ฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี เป็นคำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากเว้า หรือมีร่องลึกบริเวณหน้าผาก การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางออกยอดนิยมเพราะไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันที และฟื้นตัวเร็ว การเลือกฟิลเลอร์คุณภาพดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 3 แบรนด์ฟิลเลอร์หน้าผากยอดนิยม พร้อมรายละเอียดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือก
สารบัญ
ฟิลเลอร์หน้าผาก คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก สารนี้มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย ช่วยอุ้มน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้น เมื่อฉีดเข้าไปจะช่วยเติมเต็มส่วนที่แบนหรือเว้า ทำให้หน้าผากดูนูนสวย มีมิติ แก้ไขปัญหารูปร่างของหน้าผากแบบไม่ต้องผ่าตัด

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน (15-30 นาที) และเห็นผลทันที ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรมที่ต้องใช้เวลารักษาตัวนาน
การพิจารณาว่า ฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี ควรเริ่มจากการเข้าใจปัญหาหน้าผากของตัวเอง ฟิลเลอร์สามารถแก้ไขปัญหาต่อไปนี้ได้
- หน้าผากแบน ไม่มีมิติ – เกิดจากโครงสร้างกระดูกหน้าผากที่ราบเรียบ
- หน้าผากเว้าเป็นแอ่ง – มีรอยบุ๋มหรือมีร่องกลางหน้าผาก (ร่องนมแมว)
- หน้าผากไม่สมมาตร – ด้านหนึ่งนูนกว่าอีกด้าน
- รอยย่นตามแนวขวาง – เกิดจากอายุหรือการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อซ้ำๆ
- ช่องว่างระหว่างหน้าผากและเส้นผม – หน้าผากสูงหรือกว้างเกินไป
ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปทรงหน้าผากให้สวยงาม มีมิติมากขึ้น สร้างความสมดุลให้กับใบหน้า และช่วยให้ดูใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
คุณสมบัติของฟิลเลอร์หน้าผากที่ดี
เมื่อพิจารณาว่า ฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี ควรดูที่คุณสมบัติเหล่านี้
- เนื้อละเอียด ไม่เป็นก้อน – จำเป็นสำหรับพื้นที่ที่มีผิวบาง เช่น หน้าผาก
- ความหนืดเหมาะสม – ไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป
- การกระจายตัวสม่ำเสมอ – ช่วยให้หน้าผากดูเป็นธรรมชาติ
- ความปลอดภัยสูง – ได้รับการรับรองจาก อย.
- ความทนทาน – อยู่ได้นานคุ้มค่า
- ความกลมกลืนกับผิว – ไม่ทำให้เกิดอาการบวมหรือช้ำมาก
ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดีจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
1. Juvederm
คุณสมบัติเด่น: ผลิตโดยบริษัท Allergan (บริษัทเดียวกับโบท็อกซ์) ได้รับการรับรองจาก อย.ไทยและอเมริกา มีความนุ่มนวลและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมาก
รุ่นแนะนำสำหรับหน้าผาก
- Juvederm Volbella – เนื้อเจลละเอียด กลืนกับผิวได้ดี ไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับปรับหน้าผากให้เรียบเนียน อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite – เนื้อบางเบา ละเอียดที่สุด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูเรียบเนียน อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
ข้อดี: Juvederm มีความยืดหยุ่นสูงและเข้ากับผิวได้ดีมาก ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ดูแข็งหรือเป็นก้อน อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 9-12 เดือนขึ้นอยู่กับรุ่น นอกจากนี้ยังมี Lidocaine ผสมอยู่ด้วย ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด ทำให้ประสบการณ์โดยรวมสบายกว่า
2. Restylane
คุณสมบัติเด่น: ฟิลเลอร์ยี่ห้อแรกของโลก พัฒนามายาวนาน ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย อเมริกา เกาหลี และสหภาพยุโรป
รุ่นแนะนำสำหรับหน้าผาก
- Restylane Vital – เนื้อนิ่ม เกลี่ยง่าย ช่วยเติมเต็มหน้าผากให้เรียบเนียน อยู่ได้นาน 8 เดือน
- Restylane Volyme – พองตัวดี เหมาะกับปัญหาแอ่งลึกกลางหน้าผาก อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Restylane Classic – เนื้อแข็งปานกลาง เหมาะกับแก้ไขหน้าผากแบน อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
ข้อดี: Restylane มีจุดเด่นตรงที่มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามลักษณะปัญหาของหน้าผาก ทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล ฟิลเลอร์ตัวนี้ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แข็งกระด้าง และมีความสามารถในการเข้ากับเนื้อเยื่อได้ดี ทำให้การฉีดเติมเต็มหน้าผากดูกลมกลืน ไม่เป็นก้อนหรือคลื่นใต้ผิวหนัง
3. E.P.T.Q.
คุณสมบัติเด่น: ฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ ผลิตตามมาตรฐาน European Pharmacopoeia ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย อเมริกา และเกาหลี
รุ่นแนะนำสำหรับหน้าผาก
E.P.T.Q. S300 – เนื้อแข็งปานกลาง เนื้อฟูมาก เหมาะสำหรับเพิ่มวอลลุ่มหน้าผาก แก้ไขหน้าผากแบนไม่มีมิติ อยู่ได้นาน 9 เดือน
ข้อดี: E.P.T.Q. โดดเด่นด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความฟูมาก ช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับหน้าผากได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ใช้ในปริมาณที่ไม่มาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เริ่มต้นฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นครั้งแรก หรือต้องการทดลองดูผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจใช้ในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเท่าไร? เผยราคาพร้อมข้อควรรู้
นอกจากเลือกว่า ฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี แล้ว เทคนิคการฉีดและปริมาณที่ใช้ก็สำคัญไม่แพ้กัน
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรใช้
- แก้ไขรอยย่นเล็กน้อย: 0.5-1 ซีซี
- ร่องหน้าผากบริเวณเหนือคิ้ว: 1-2 ซีซี
- หน้าผากแบนหรือเว้า: 1.5-3 ซีซี
- เพิ่มปริมาตรให้หน้าผากทั้งหมด: 3-5 ซีซี (ไม่ควรเกิน 5 ซีซีต่อครั้ง)
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ก่อนตัดสินใจว่า ฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้
เรื่องของความปลอดภัย
- หน้าผากมีเส้นเลือดสำคัญมากมาย การฉีดโดยไม่ระวังอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
- ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ได้รับการรับรองจาก อย.
ราคาและความคุ้มค่า
- Juvederm: 10,000-13,000 บาท/ซีซี
- Restylane: 10,000-13,000 บาท/ซีซี
- E.P.T.Q.: 7,000-9,000 บาท/ซีซี
แม้ราคาของฟิลเลอร์พรีเมียมอาจสูงกว่า แต่อยู่ได้นานกว่า จึงอาจคุ้มค่าในระยะยาว
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
- งดนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนและหลังฉีด
- หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
บทสรุป
การเลือกฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดีนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาหน้าผากของแต่ละบุคคล งบประมาณ และเป้าหมายที่ต้องการ จากการเปรียบเทียบทั้ง 3 แบรนด์ชั้นนำ Juvederm เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เรียบเนียน และคงทนยาวนาน Restylane โดดเด่นด้วยตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับปัญหาหน้าผากที่แตกต่างกัน ส่วน E.P.T.Q. เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่ฟูมาก เพิ่มปริมาตรได้ดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากโดยเฉพาะ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน การปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจจะช่วยให้คุณเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณมากที่สุด