ฉีดสลายฟิลเลอร์ อันตรายไหม ทางออกแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์
ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยม แต่บางครั้งอาจเกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ผิดตำแหน่ง หรือให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยสารไฮยาลูโรนิเดสจึงเป็นทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยสารนี้จะทำให้ฟิลเลอร์แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กลงจนร่างกายสามารถขับออกได้
หากคุณกำลังประสบปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ ติดตามบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการฉีดสลายฟิลเลอร์และข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของคุณ
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นการรักษาโดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase: HYAL) เพื่อสลายฟิลเลอร์ที่เคยฉีดไว้โดยตรง โดยจะทำเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ใช่การรักษาที่ต้องทำเป็นประจำ
เอนไซม์นี้จะลดความสามารถในการอุ้มน้ำและกักเก็บไขมันของฟิลเลอร์ ทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็กลงจนสลายตัวและถูกขับออกจากร่างกาย ทั้งนี้ สามารถใช้ได้เฉพาะกับฟิลเลอร์แท้ที่ทำจากไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เท่านั้น ซึ่งเป็นชนิดที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าปลอดภัย สำหรับฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนหรือพาราฟินไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ ต้องใช้วิธีขูดออกเท่านั้น
เพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ อยากฉีดแต่ไม่อยากเสี่ยง เรื่องต้องรู้ก่อนฉีด
ทำความรู้จัก Hyaluronidase
ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เป็นเอนไซม์ที่พบตามธรรมชาติในร่างกายและพืชบางชนิด มีหน้าที่ย่อยสลายกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ชนิด HA ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
เมื่อฉีดไฮยาลูโรนิเดสเข้าสู่บริเวณที่มีฟิลเลอร์ เอนไซม์จะทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิก ตัดพันธะระหว่างโมเลกุลให้สั้นลง โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 24 ชั่วโมง และให้ผลสูงสุดที่ 48 ชั่วโมง ทำให้ฟิลเลอร์ค่อยๆ สลายและกลับสู่สภาพเดิมภายใน 2 สัปดาห์
การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยไฮยาลูโรนิเดสถือเป็นวิธีที่ปลอดภัย เนื่องจากสามารถเร่งการสลายฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อบริเวณนั้น จึงสามารถกลับมาฉีดเพื่อปรับรูปหน้าหรือรูปร่างใหม่ได้ในอนาคต
ปัญหาการฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดก้อนบวมหรือผลลัพธ์ไม่สวย มีสาเหตุหลักดังนี้
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยทั้งความรู้และศิลปะ หากแพทย์ขาดความชำนาญในการประเมินกายวิภาค ตำแหน่ง ปริมาณ และเทคนิคที่เหมาะสม อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามต้องการ
- การเลือกชนิดฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์แต่ละประเภทเหมาะกับตำแหน่งที่ต่างกัน เช่น ฟิลเลอร์เกรดแข็งเหมาะกับโหนกแก้ม แต่ไม่เหมาะกับริมฝีปาก
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์: ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- ความลึกในการฉีด: การฉีดในระดับความลึกที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดก้อน หรือฟิลเลอร์ไม่อยู่ทรง
- ปริมาณการฉีด: การใช้ปริมาณมากหรือน้อยเกินไปส่งผลต่อความสมดุลและความเป็นธรรมชาติของใบหน้า
- การดูแลหลังฉีด: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น งดแต่งหน้า ออกกำลังกาย สัมผัสแสงแดดจัด และนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งสื่อสารความคาดหวังและข้อกังวลอย่างชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การฉีดสลายฟิลเลอร์สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณต่างๆ ดังนี้
บริเวณใต้ตา
- อาการตาช้ำ เกิดจากการฉีดโดนเส้นเลือดหรือใช้เทคนิครุนแรง การสลายฟิลเลอร์จะช่วยลดการกดทับและอาการอักเสบ
- ถุงใต้ตาเพิ่มขึ้น เกิดจากการฉีดตื้นเกินไปทำให้เกิดก้อน การสลายฟิลเลอร์จะช่วยให้ผิวกลับเรียบเนียน
บริเวณร่องแก้ม
ร่องลึกกว่าเดิม เกิดจากการฉีดผิดตำแหน่ง ผิดชั้นผิว หรือใช้ฟิลเลอร์ความเข้มข้นไม่เหมาะสม การสลายฟิลเลอร์จะช่วยแก้ไขก่อนฉีดใหม่อย่างถูกวิธี
บริเวณปาก
จะเกิดปัญหาปากเป็ด เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปากในปริมาณมากเกินไป การสลายฟิลเลอร์จะช่วยปรับให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม
บริเวณหน้าผาก
- หน้าผากเป็นคลื่น เกิดจากการฉีดซ้ำทับหรือฉีดตื้นเกินไป การสลายฟิลเลอร์จะช่วยให้หน้าผากเรียบเนียน
- หน้าผากนูนคล้ายปลาทอง เกิดจากการใช้ปริมาณมากเกินไปหรือใช้ฟิลเลอร์ด้อยคุณภาพ การสลายฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปทรงให้สวยงาม
ข้อต้องรู้ก่อนไปฉีดสลายฟิลเลอร์
ชนิดของฟิลเลอร์
ชนิดของฟิลเลอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด โดยสามารถสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิก (HA) เท่านั้น ส่วนฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร ถาวร ซิลิโคน หรือพาราฟิน จำเป็นต้องใช้วิธีขูดหรือผ่าตัดออก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและไม่แนะนำ
ปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่เคยฉีด
ปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่ฉีดไว้จะส่งผลต่อปริมาณสารไฮยาลูโรนิเดสที่ต้องใช้ในการสลาย โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่มากขึ้นจะต้องใช้สารสลายในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้สามารถสลายฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระยะเวลาที่ฉีด
ระยะเวลาที่ฉีดฟิลเลอร์มีผลต่อความยากง่ายในการสลาย โดยฟิลเลอร์ที่อยู่นานเกิน 1-2 ปี จะสลายยากขึ้นเนื่องจากมีการจับตัวแน่นและมีคอลลาเจนหุ้ม อาจต้องฉีดสลายหลายครั้ง โดยทั่วไปจะเห็นผลเบื้องต้นภายใน 1-2 วัน และชัดเจนขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
ตำแหน่งที่ฉีด
ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เนื่องจากแต่ละบริเวณมีโครงสร้างกายวิภาคที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวบางและมีเส้นเลือดมาก เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และหน้าผาก จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีดสลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบต่อเส้นประสาทและหลอดเลือด
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงพบได้น้อยและมักไม่รุนแรง โดยอาการที่พบบ่อยคือ บวม แดง หรือคันเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
ผลข้างเคียงหลังฉีดสลายฟิลเลอร์
- อาการบวม แดง เจ็บบริเวณที่ฉีด มักดีขึ้นใน 1-2 วัน
- จ้ำเลือดหรือรอยช้ำขนาดเล็ก หายได้ภายใน 1 สัปดาห์
- อาการคัน ลมพิษ ผื่นแดงจากการแพ้
- การติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก)
- การยุบตัวของเนื้อเยื่อจากการสลายมากเกินไป
ผู้ที่ไม่ควรฉีดสลายฟิลเลอร์
- ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูโรนิเดส
- ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือมีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเริมหรืองูสวัดบริเวณใบหน้า
- ผู้สูงอายุที่ผิวหนังเสื่อมสภาพมาก
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์
หากมีอาการผิดปกติหลังการฉีด เช่น บวมมาก ปวดรุนแรง มีไข้ หรือผื่นแดงลามกว้าง ควรรีบพบแพทย์ทันที
การเตรียมความพร้อมก่อนฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด มีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ที่ผ่านการอบรมมาโดยตรงเพื่อประเมินความเหมาะสม ความเสี่ยง ประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัว
- งดยาและอาหารเสริมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออกก่อน 1 สัปดาห์ ได้แก่ ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี กระเทียม น้ำมันปลา โสม และใบแปะก๊วย
- งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- ในวันทำหัตถการ ทำความสะอาดใบหน้าและงดใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและระคายเคือง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการบวมหรือการอักเสบ
- ประคบเย็น 3-4 ครั้ง/วัน ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อลดบวมแดง และช่วยบรรเทาอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ
- หากปวด สามารถทานพาราเซตามอลได้ แต่หลีกเลี่ยงยาแอสไพรินที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก
- งดออกกำลังกายที่กระทบกระแทกใบหน้า เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของสารและการบาดเจ็บเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เนื่องจากผิวจะบอบบางและไวต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติ
- งดอาบน้ำร้อนและอบซาวน่า เพราะความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ข้อควรปฏิบัติต่อเนื่องเพื่อให้ผิว
- ทาครีมกันแดด SPF30 ขึ้นไปและหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันรอยดำและการสร้างเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอ
- รอ 2-4 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ซ้ำ เพื่อให้เนื้อเยื่อได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
- ดื่มน้ำและรับประทานอาหารบำรุงผิว โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซี โปรตีน และแร่ธาตุที่จำเป็น
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล และประเมินการฟื้นตัวของผิว
หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นแดง คัน มีก้อนแข็ง หรือปวดบวมมากขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ระยะเวลาเห็นผลหลังฉีดสลายฟิลเลอร์
ผลลัพธ์จากการฉีดสลายฟิลเลอร์จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 24-48 ชั่วโมง และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังการฉีด ทั้งนี้ระยะเวลาและจำนวนครั้งในการฉีดขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องการสลาย
ในกรณีที่มีฟิลเลอร์ปริมาณมาก แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดซ้ำได้ถึง 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 1 สัปดาห์ระหว่างการฉีดแต่ละครั้ง เพื่อให้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสได้ออกฤทธิ์สลายโมเลกุลของฟิลเลอร์ได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่แพทย์จะประเมินผลและพิจารณาความจำเป็นในการฉีดครั้งต่อไป
ปริมาณเอนไซม์ที่ใช้ในแต่ละครั้งเป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการรักษา แพทย์จะคำนวณขนาดยาที่เหมาะสมตามลักษณะของฟิลเลอร์ ทั้งชนิด ความเข้มข้น ปริมาตร และตำแหน่งที่ฉีด เพื่อให้สามารถสลายฟิลเลอร์ที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
การฉีดสลายฟิลเลอร์จะเริ่มเห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การสลายฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้ 100% ในการฉีดเพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะในกรณีที่มีฟิลเลอร์ปริมาณมาก
ประสิทธิภาพการสลายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระยะเวลาที่ฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ปริมาณและชนิดของฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงการดูแลหลังฉีด ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ราคาการฉีดสลายฟิลเลอร์จะอยู่ที่ประมาณ 3,500-5,000 บาทต่อครั้ง โดยราคาจะแตกต่างกันตามปริมาณสารที่ใช้และขนาดพื้นที่ที่ต้องการสลาย รวมถึงจำนวนตำแหน่งที่ต้องฉีด นอกจากนี้ ชื่อเสียงของสถานพยาบาลและความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็มีผลต่อราคาเช่นกัน ในกรณีที่ต้องฉีดหลายครั้งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้งที่ฉีด
วิธีการสลายฟิลเลอร์มี 4 วิธี โดยแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน
การฉีดสลายด้วยไฮยาลูโรนิเดส
เป็นการใช้เอนไซม์ไปลดการอุ้มน้ำและสลายพันธะของฟิลเลอร์ชนิด HA โดยตรง เป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้มากที่สุด
ข้อดี
- วิธีที่ปลอดภัยที่สุด
- แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
- ไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสีย
- ใช้ได้เฉพาะฟิลเลอร์ HA
- อาจต้องฉีดหลายครั้ง
- มีค่าใช้จ่ายต่อครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์ใหม่ทับ
เป็นการแก้ไขรูปทรงด้วยการเพิ่มฟิลเลอร์ใหม่ เหมาะกับก้อนขนาดเล็กที่ต้องการปรับแต่งเพียงเล็กน้อย
ข้อดี
- ปรับแต่งรูปทรงได้ทันที
- ไม่ต้องรอฟื้นตัวนาน
- เห็นผลลัพธ์เร็ว
ข้อเสีย
- ปัญหาอาจกลับมาใน 2-3 เดือน
- เสี่ยงผิวเป็นคลื่น
- ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์สูง
การผ่าตัดหรือขูดออก
เป็นวิธีที่รุนแรงที่สุด ใช้กับก้อนฟิลเลอร์ขนาดใหญ่และแข็งที่ไม่สามารถสลายด้วยวิธีอื่น
ข้อดี
- กำจัดฟิลเลอร์ได้หมด
- เห็นผลถาวร
- เหมาะกับก้อนขนาดใหญ่
ข้อเสีย
- มีแผลเป็น
- พักฟื้นนาน
- เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนสูง
การใช้ความร้อน
เป็นวิธีที่ยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์ แต่มีการนำมาใช้ในบางกรณี และยังไม่เป็นที่นิยมนำมาแก้ไข
ข้อดี
- ไม่ต้องฉีดสาร
- ไม่เจ็บตัว
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพไม่แน่นอน
- ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับ
- อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
ฉีดสลายฟิลเลอร์ vs ขูดฟิลเลอร์
ระหว่างการฉีดสลายฟิลเลอร์กับการขูดฟิลเลอร์ออก แม้จะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่ควรพิจารณาหลายประการ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
กลไกการทำงาน
- การฉีดสลายฟิลเลอร์ ใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ย่อยสลายเฉพาะ HA ข้อดีคือเจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวเร็ว ค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่อาจต้องทำหลายครั้งและมีโอกาสแพ้ยา
- การขูดฟิลเลอร์ เป็นการผ่าตัดเล็กเพื่อขูดฟิลเลอร์ออกโดยตรง สามารถกำจัดได้เกือบทุกชนิด เห็นผลทันที แต่ต้องดมยา พักฟื้น 1-2 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายสูง และมีความเสี่ยงต่อแผลเป็นหรือติดเชื้อ
ระยะเวลาที่เห็นผล
- การฉีดสลาย เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกและดีขึ้นใน 24-48 ชั่วโมง แต่หากมีฟิลเลอร์มากอาจต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง
- การขูดออก เห็นผลชัดเจนทันทีเพราะกำจัดได้ปริมาณมากในครั้งเดียว แต่ต้องพักฟื้น 1-2 สัปดาห์เพื่อให้แผลหายสมบูรณ์
ความเจ็บปวดระหว่างทำ
- การฉีดสลายฟิลเลอร์เจ็บน้อย เพราะเป็นเพียงการฉีดยา ไม่ต้องผ่าตัดหรือดมยา ทำให้ฟื้นตัวเร็วและไม่มีแผล
- ส่วนการขูดฟิลเลอร์เจ็บมากกว่า เพราะต้องผ่าตัดและขูดตามชั้นผิว จำเป็นต้องดมยาสลบ ซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนและต้องพักฟื้นเพื่อดูแลแผล
ผลข้างเคียง
- การกำจัดฟิลเลอร์แต่ละวิธีมีผลข้างเคียงแตกต่างกัน การฉีดสลายมีผลข้างเคียงน้อย เป็นเพียงรอยเข็มที่หายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ และอาจพบการแพ้ยาได้บ้างแต่น้อยมาก
- ส่วนการขูดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงสูงกว่า อาจเกิดแผลแยก แผลเป็น บวมช้ำ เลือดออก และติดเชื้อ รวมถึงผลแทรกซ้อนจากยาสลบ จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์
ข้อจำกัด
- การกำจัดฟิลเลอร์แต่ละวิธีมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การฉีดสลายสามารถใช้ได้เฉพาะกับฟิลเลอร์ชนิด HA เท่านั้น และหากสลายมากเกินไปอาจทำให้เนื้อเยื่อยุบตัว
- ส่วนการขูดฟิลเลอร์ไม่ควรทำซ้ำบ่อย เพราะเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นและพังผืดมากขึ้น อีกทั้งไม่เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวบางอย่าง เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
ค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายในการกำจัดฟิลเลอร์มีความแตกต่างกันตามวิธีการรักษา การฉีดสลายมีค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่อาจเพิ่มขึ้นหากต้องทำหลายครั้ง
- ส่วนการขูดมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เนื่องจากต้องรวมค่าห้องผ่าตัด ทีมแพทย์ ยาสลบ และการพักฟื้นในโรงพยาบาล
การเลือกสถานที่ฉีดสลายฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย ควรพิจารณาตามข้อมูล ดังนี้
- สถานพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานและมีใบอนุญาตถูกต้อง
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์โดยตรง
- ใช้ยาที่ขึ้นทะเบียน อย. และมีเครื่องมือทันสมัยได้มาตรฐาน
- มีการซักประวัติและให้คำปรึกษาอย่างละเอียด
- บริการดูแลหลังการรักษาและรับผิดชอบกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อน
- ราคาเหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
- มีความน่าเชื่อถือจากรีวิวผู้ใช้บริการจริง
หลังการฉีดสลายฟิลเลอร์ ควรรอ 2-4 สัปดาห์หรือจนกว่าอาการบวมแดงจะหายสนิท เนื่องจากการฉีดสลายจะกระตุ้นการอักเสบชั่วคราว การรีบฉีดใหม่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไม่เรียบ มีก้อน หรือติดเชื้อ
การฉีดสลายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ทำให้หน้าเหี่ยวหรือหย่อนคล้อย เพราะเอนไซม์ Hyaluronidase มีความจำเพาะสูง ย่อยสลายเฉพาะฟิลเลอร์ HA โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติ ผิวจะค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติ
การคำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสมและฉีดเฉพาะจุดที่มีปัญหา จะช่วยให้การสลายฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพ ใบหน้ากลับสู่ความสมดุลโดยไม่ดูเหี่ยวแห้ง
ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถฉีดสลายได้ เพราะเอนไซม์ Hyaluronidase จะย่อยสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ชนิด HA เท่านั้น การกำจัดฟิลเลอร์ปลอมต้องใช้วิธีขูดออกโดยการผ่าตัด ซึ่งมีความเสี่ยงและต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
การฉีดสลายฟิลเลอร์จะเห็นผลเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่มีอยู่ กรณีฟิลเลอร์ไม่มาก มักเห็นผลใน 1-2 ครั้ง โดยก้อนจะยุบและใบหน้ากลับสู่สัดส่วนธรรมชาติ
สำหรับกรณีที่มีฟิลเลอร์ปริมาณมากหรือสลายยาก อาจต้องฉีด 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง หากฉีดครบแล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะประเมินใหม่และปรับแผนการรักษา เช่น เพิ่มความเข้มข้นของสารสลาย พิจารณาผ่าตัด หรือใช้เทคนิคพิเศษอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การฉีดสลายฟิลเลอร์ซ้ำสามารถทำได้ โดยแพทย์จะประเมินผลการรักษาครั้งแรกก่อน ดูการยุบตัวของฟิลเลอร์และปริมาณที่เหลืออยู่ เพื่อคำนวณปริมาณยาสลายที่เหมาะสมในครั้งต่อไป โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
การฉีดซ้ำจะทำเมื่อร่างกายฟื้นตัวจากการรักษาครั้งก่อนแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าอาการบวมหรือการอักเสบหายเป็นปกติ และเพื่อป้องกันการใช้ยาสลายมากเกินความจำเป็น
รีวิวฉีดสลายฟิลเลอร์
สรุป
การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายฟิลเลอร์ชนิด HA แก้ไขปัญหาการฉีดผิดเทคนิค เลือกชนิดไม่เหมาะสม หรือฉีดปริมาณมากเกินไป
ก่อนทำการรักษา แพทย์จะซักประวัติและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรงและหายภายใน 1-2 วัน สามารถเห็นผลใน 24-48 ชั่วโมง และชัดเจนที่สุดใน 1-2 สัปดาห์ บางกรณีอาจต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง
เมื่อเทียบกับการผ่าตัด วิธีนี้เจ็บน้อย เห็นผลเร็ว เสี่ยงต่ำ และค่าใช้จ่ายไม่สูง อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัดในบางกรณี ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล