เสริมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ?

เสริมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ?

การเลือกระหว่าง เสริมคาง กับฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นคำถามยอดฮิตของผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางบุ๋ม ทั้งสองวิธีช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แต่มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะเปรียบเทียบให้ละเอียดเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ผู้ชำนาญการโดยตรง

สารบัญ

เสริมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร?

เสริมคาง คืออะไร?

เสริมคาง คือ การศัลยกรรมตกแต่งรูปทรงของคางให้ได้รูปสวยงามมากขึ้น โดยการผ่าตัดใส่ซิลิโคนคางเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก ช่วยปรับโครงหน้าและเพิ่มความยาวของคางได้อย่างถาวร แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด หรือโครงหน้าไม่ได้สัดส่วน ซึ่งการเสริมคางมีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้

เสริมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร? - เสริมคาง
  • การเสริมแผลนอก – เปิดแผลบริเวณใต้คาง แผลมีขนาดเล็กประมาณ 1-1.5 ซม.
  • การเสริมแผลใน – เปิดแผลด้านในช่องปาก ไม่มีแผลให้เห็นจากภายนอก

ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณคางเพื่อเสริมคางและปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร หรือเรียววีเชฟขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันที ไม่มีอาการบวมช้ำเหมือนการผ่าตัด

เสริมคาง VS ฉีดฟิลเลอร์คาง คืออะไร? - ฉีดฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขได้หลายปัญหา ดังนี้

  • แก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย
  • ปรับรูปหน้าให้เรียว วีเชฟ
  • แก้ไขคางไม่เท่ากัน คางบุ๋ม
  • เสริมคางเพื่อปรับโหงวเฮ้ง

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการเสริมคาง Vs ฟิลเลอร์คาง

ข้อดีและข้อเสีย ของการเสริมคาง

ข้อดีของการเสริมคาง

  • อยู่ถาวร ไม่ต้องกังวลเรื่องเติมซ้ำ
  • สามารถเสริมให้คางยาวได้มาก ตามที่ต้องการ
  • มีซิลิโคนให้เลือกหลายแบบ ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
  •  คุ้มค่าในระยะยาว จ่ายครั้งเดียวได้ผลถาวร

ข้อเสียของการเสริมคาง

  • มีแผลผ่าตัด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ต้องพักฟื้น คางจะเข้าที่ใช้เวลา 1-3 เดือน
  • หากไม่พอใจผลลัพธ์ ต้องผ่าตัดเพื่อเอาออกหรือแก้ไข
  • อาจเกิดปัญหาซิลิโคนเบี้ยว หรือเคลื่อนตำแหน่งในระยะยาว
  • ในบางกรณี อาจทำให้คางไม่รับกับแนวกราม ทำให้เกิดร่องมุมปาก แก้มดูห้อย
ข้อดีและข้อเสีย ของการฉีดฟิลเลอร์คาง

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ใช้หน้าได้ทันที มีเพียงรอยเข็มที่หายภายใน 3-7 วัน
  • เห็นผลทันที คางยาวขึ้น รูปหน้าเรียวขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • แก้ไขง่าย หากไม่พอใจสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันที
  • มีความเป็นธรรมชาติสูง ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
  • เสริมกระดูกคาง ช่วยชะลอการยุบตัวของกระดูกคางในระยะยาว

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  •  ไม่ถาวร อยู่ได้นาน 1-2 ปี ต้องฉีดเติมใหม่
  • เสริมคางได้จำกัด ไม่เกิน 1 ซม. หากเสริมเกินอาจเป็นก้อนหรือผิดรูป
  • มีค่าใช้จ่ายระยะยาว เมื่อต้องฉีดซ้ำ
  • ถ้าฉีดไม่ถูกเทคนิค อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน คางย้อย
  • ไม่เหมาะกับคนที่วางแผนจะผ่าตัดเสริมคาง ในอนาคต

ใครเหมาะกับการเสริมคาง?

การเสริมคางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใดบ้าง มีดังนี้

  • คนที่มีคางสั้นมาก ต้องการเสริมคางให้ยาวเกิน 1 ซม.
  • คนที่ต้องการผลถาวร ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมซ้ำ
  • คนที่สามารถยอมรับการพักฟื้นได้
  • คนที่คำนวณแล้วว่าคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
  • ผู้ที่มีความชัดเจนในรูปทรงคางที่ต้องการ

การเสริมคางด้วยซิลิโคนเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขคางที่สั้นมาก และต้องการผลลัพธ์ถาวร แต่ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรเข้าใจว่าซิลิโคนคางที่ดีต้องติดแน่นกับกระดูก ไม่สามารถโยกได้ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง?

การฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา และต้องการแก้ไข ดังนี้

  • คนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่ต้องการมีแผล
  • คนที่มีคางสั้นไม่มากเกินไป (ไม่เกิน 1 ซม.)
  • คนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น ต้องการเห็นผลทันที
  • คนที่ยังไม่แน่ใจว่าต้องการคางรูปทรงแบบไหน ต้องการทดลองก่อน
  • คนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ต้องการทางเลือกที่แก้ไขได้หากไม่พอใจ

การฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับคนที่มีการยุบตัวของกระดูกเล็กน้อย คางตัดไม่มาก หรือในกรณีที่อยากทดลองดูผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจผ่าตัด ข้อดีคือสามารถเห็นผลทันที ไม่มีรอยแผล และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

เทคนิคการเสริมคางกับฉีดฟิลเลอร์คางที่ถูกต้อง

เทคนิคการเสริมคางที่สำคัญ

การเสริมคางที่ดีจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับแพทย์แต่ละท่าน โดยมีเทคนิคดังนี้

  • การเลือกซิลิโคนที่เหมาะสม – ซิลิโคนคางมีหลายขนาดและรูปทรง แพทย์ต้องเลือกให้เหมาะกับโครงหน้า
  • การวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก – ซิลิโคนต้องติดแน่นกับกระดูก ไม่สามารถโยกได้
  • การคำนึงถึงเส้นประสาท – หากขาซิลิโคนยาวเกินไปอาจกดทับ mental foramen ซึ่งเป็นรูทางออกของเส้นประสาท ทำให้ปากเบี้ยวได้
  • การประเมินทรงคางให้รับกับแนวกราม – เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาร่องมุมปาก หรือหน้าไม่เรียว

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางที่ถูกต้อง

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางก็เป็นอีกสิ่งสำคัญในการคงผลลัพธ์ให้นานยิ่งขึ้น โดยมีเทคนิคต่าง ๆ ดังนี้

  • ฉีดในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก – เป็นการเสริมที่กระดูก ไม่ใช่เนื้อคาง ช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานและไม่เป็นก้อน
  • หลีกเลี่ยงการฉีดในชั้นตื้น – เพราะจะโดนกล้ามเนื้อ mentalis ดึงให้ฟิลเลอร์มากองรวมกันเป็นก้อน
  • ใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง – เช่น Juvederm Volux, Restylane Lyft หรือ Belotero Volume
  • ฉีดในจุดที่ปลอดภัย – หลีกเลี่ยงเส้นเลือดสำคัญเพื่อป้องกันการอุดตัน

สรุป

การเลือกระหว่างเสริมคางกับฉีดฟิลเลอร์คางต้องพิจารณาจากความต้องการส่วนบุคคล เสริมคางเหมาะกับผู้ที่มีคางสั้นมาก ต้องการผลถาวรและยอมรับการพักฟื้นได้ ส่วนฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องการผ่าตัด ต้องการเห็นผลทันที หรือยังไม่แน่ใจกับรูปทรงที่ต้องการ ทั้งสองวิธีล้วนมีข้อดีของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ผู้ชำนาญการและคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ

หมอฉีดฟิลเลอร์ที่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า