การแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบนใบหน้าเป็นความกังวลของหลายคนโดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร้อยไหมโครงตาข่าย หรือที่เรียกว่า Tesslift เป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ ซึ่งเป็นการร้อยไหมรูปแบบใหม่ที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับไหมโครงตาข่ายอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ลักษณะเฉพาะของไหม เทคนิคการร้อย ข้อดี วิธีเตรียมตัว และการดูแลหลังทำ เพื่อให้คุณมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจเลือกใช้บริการนี้อย่างเหมาะสม
สารบัญ
ร้อยไหมโครงตาข่าย หรือที่เรียกว่า Tesslift Soft เป็นไหมยกกระชับรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Tesslift จากประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้หลักวิชา Biomedical Engineering สร้างสรรค์ไหมในรูปแบบโครงตาข่าย (Mesh Threads) ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไหมชนิดนี้ผลิตจากวัสดุ Polydioxanone (PDO) ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในทางการแพทย์มานาน มีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายในร่างกายภายในระยะเวลา 6-8 เดือน โดยไม่มีสารตกค้างใต้ชั้นผิว
จุดเด่นที่สำคัญของไหมโครงตาข่ายคือการออกแบบโครงสร้างแบบสองชั้น โดยชั้นในเป็นเงี่ยงแบบหล่อ 3 มิติที่วนล้อมรอบเส้นไหม 360 องศา ทำให้เกาะติดกับเนื้อเยื่อได้แน่น ส่วนชั้นนอกเป็นตาข่าย (Mesh) ที่หุ้มรอบเส้นไหมตลอดทั้งเส้น เพิ่มพื้นที่ในการยึดเกาะของชั้นผิวกับตัวไหมและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อมาเจริญเติบโตที่รูของไหมโครงตาข่าย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนสูงกว่าไหมทั่วไปถึง 80-100 เท่า
การร้อยไหมโครงตาข่ายได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อย.ไทย (Thai FDA), CE Mark และ KFDA (อย.เกาหลี) ซึ่งรับประกันความปลอดภัยและมาตรฐานในการใช้งาน ผลลัพธ์จากการร้อยไหมโครงตาข่ายสามารถคงสภาพอยู่ได้ยาวนานถึง 1-2 ปี ซึ่งนานกว่าไหมชนิดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ อยากฉีดแต่ไม่อยากเสี่ยง เรื่องต้องรู้ก่อนฉีด
ลักษณะพิเศษของไหมโครงตาข่าย แตกต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร
โครงสร้างพิเศษสองชั้น
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของร้อยไหมโครงตาข่ายคือโครงสร้างแบบสองชั้นที่ไม่เหมือนใคร
ชั้นในแบบเงี่ยงหล่อ 3D: เป็นเงี่ยงที่มีความแข็งแรงวนรอบตัวเส้นไหมแบบ 360 องศา คล้ายกับไหมก้างปลา แต่มีความหนาแน่นและแข็งแรงกว่า ช่วยให้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวได้แน่นมั่นคง
ชั้นนอกแบบตาข่าย (Mesh): เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไหมโครงตาข่ายที่ไม่มีในไหมชนิดอื่น โครงตาข่ายนี้หุ้มรอบเส้นไหมทั้งเส้นทำให้เนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่สามารถแทรกเข้าไปในช่องว่างของตาข่ายได้ ส่งผลให้เกิดการประสานเนื้อเยื่อกับเส้นไหมได้มากกว่าและแข็งแรงกว่า
กลไกการทำงาน
หลังจากร้อยไหมโครงตาข่าย ตัวเงี่ยงจะเกี่ยวยึดกับเนื้อเยื่อทันที ทำให้เห็นผลการยกกระชับได้ทันที ต่อมาในช่วง 1-3 เดือน โครงตาข่ายจะกระตุ้นให้เนื้อเยื่อผิวหนัง คอลลาเจน และอิลาสติน เจริญเติบโตเข้าไปในช่องว่างของตาข่าย สร้างการประสานและเกาะยึดที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ผิวจะค่อยๆ กระชับและแน่นขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าตัวไหมจะย่อยสลายไปแล้ว แต่โครงคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ยังคงอยู่ ทำให้ผลลัพธ์ยืนยาว
ร้อยไหมโครงตาข่ายแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง และเหมาะกับใคร
ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้
การร้อยไหมโครงตาข่ายสามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้หลากหลายบริเวณบนใบหน้า ได้แก่
- ยกกระชับกระเปาะแก้ม – ปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape ดูเรียวชัดเจนขึ้น
- ยกกระชับร่องมุมปากและร่องแก้ม – ลดริ้วรอยลึกบริเวณร่องแก้มและมุมปากที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง
- แก้ปัญหาแก้มตอบ – โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบาง ไขมันน้อย ซึ่งเป็นกรณีที่ทำได้ยากด้วยไหมชนิดอื่น เพราะตัวตาข่ายจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้แก้มดูฟูขึ้นตามธรรมชาติ
- ยกกระชับเหนียงหย่อนคล้อย – ทำให้เส้นขากรรไกรชัดเจน
- แก้ปัญหาหนังตาตก ยกคิ้ว – ดวงตาดูกลมโตสดใสขึ้น
- ยกหางตา – เพิ่มความเฉี่ยวให้กับดวงตา สร้างลุค Foxy Eyes
- เสริมดั้งจมูก – ยกปลายจมูกให้เชิ่ด ลดความกว้างของปีกจมูก (ต้องใช้ไหม Tesslift สำหรับจมูกโดยเฉพาะ)
ร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง
การร้อยไหมโครงตาข่ายเหมาะกับบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุ 30-60 ปี ที่เริ่มมีอาการผิวหย่อนคล้อย แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงมาก
- ผู้ที่มีแก้มหย่อนคล้อย ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับขึ้น
- ผู้ที่มีแก้มตอบ จากการขาดคอลลาเจน ผิวบาง หรือไขมันน้อย (ซึ่งเป็นข้อจำกัดของไหมชนิดอื่น)
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ที่คงทนมากกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหม : เลือกวิธีไหนแก้ร่องแก้มลึกได้ผลดีที่สุด
ผลลัพธ์หลังการรักษา
หลังจากร้อยไหมโครงตาข่าย คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที โดยใบหน้าจะดูยกกระชับขึ้น แก้มตอบจะดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการบวมบ้างในช่วง 3-7 วันแรก และจะมีอาการตึงรั้งใต้ผิวจากการยึดเกาะของไหม รวมถึงรอยเขียวช้ำได้ในบางราย
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเห็นได้ชัดเจนในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ เมื่อคอลลาเจนใหม่ที่กระตุ้นจากไหมเจริญเต็มที่ ผิวหน้าจะแน่นและกระชับมากขึ้นกว่าตอนหลังทำเสร็จ และผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ซึ่งนานกว่าไหมชนิดอื่นมาก
เทคนิคพิเศษที่แตกต่างจากไหมอื่น
ร้อยไหมโครงตาข่ายมีเทคนิคการร้อยที่เฉพาะเจาะจง แตกต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างชัดเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำให้ผลลัพธ์ดีและเป็นธรรมชาติ ประกอบด้วย
1. ไม่มีการตัดไหม
เนื่องจากลักษณะตาข่ายที่หุ้มด้านนอกมีจุดยึดอยู่ที่ปลายไหมทั้งสองข้าง หากตัดไหมจะทำให้ตาข่ายเสียสภาพ ส่งผลให้การยกกระชับลดลง แพทย์จึงต้องใช้เทคนิคพิเศษในการจัดการกับปลายไหม
2. เทคนิค Reinsertion (ใส่ปลายไหมกลับเข้าไปใต้ผิว)
เมื่อไม่สามารถตัดไหมได้ แพทย์จะนำปลายไหมที่เหลือกลับเข้าไปใต้ผิวอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยให้แรงยกของไหมเพิ่มขึ้น มีความแข็งแรงและจุดเกาะมั่นคงยิ่งขึ้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ยืนยาวกว่าไหมชนิดอื่น โดยการร้อยไหม 1 เส้น จะได้แรงยกถึง 2 แนวทิศทาง
3. เทคนิค ZIG-ZAG หรือ Double/Triple Parallel Positioning
แพทย์จะร้อยไหมในแนวที่ขนานกันหลายครั้ง สลับฟันปลา ทำให้เกิดตำแหน่งที่เส้นไหมขนานกัน 2-3 เส้น เพิ่มความแข็งแรงในการตรึงและช่วยกระจายแรงของไหมทั้งเส้น ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกตึงหรือเจ็บน้อยลง
4. เทคนิคโกยผิวขึ้น
แทนที่จะดึงไหมด้วยแรงมากๆ ซึ่งอาจทำให้เงี่ยงเสียสภาพ แพทย์จะโกยผิวขึ้นก่อน เพื่อย้ายตำแหน่งไขมันขึ้นมา จากนั้นจึงวางไหมไปในตำแหน่งผิวที่ถูกยกแล้ว ทำให้เงี่ยงของไหมยังคงสมบูรณ์
5. นวดคลึงไหม
หลังร้อยไหมแล้ว แพทย์จะนวดผิวให้แนบกับไหมให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มการยึดเกาะและช่วยให้การสร้างคอลลาเจนเกิดขึ้นได้ตลอดแนวเส้นไหม
ขั้นตอนการรักษา
การร้อยไหมโครงตาข่ายใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที มีขั้นตอนดังนี้
- ปรึกษาแพทย์และประเมินปัญหา – แพทย์จะซักประวัติ ประเมินรูปหน้า และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
- แปะยาชาเฉพาะที่ – ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที เพื่อลดความเจ็บในระหว่างหัตถการ
- ดีไซน์แนวการวางไหม – แพทย์จะวางแนวการร้อยไหมบนใบหน้าตามเทคนิคเฉพาะของไหมโครงตาข่าย
- ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการร้อยไหม
- ปูผ้า Set sterile – เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- เปิดรูเข็ม – บริเวณขมับทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นจุดเข้าของไหม
- ร้อยไหมเข้าไปใต้ผิว – ตามแนวที่ดีไซน์ไว้ โดยใช้เทคนิค Reinsertion เพื่อให้ไหม 1 เส้นได้แรงยก 2 ทิศทาง
- ถอนเข็มและนวดไหม – เพื่อให้ไหมแนบติดกับผิวบริเวณนั้นให้แน่น
- ปรับผิวและกดให้ยึดเกาะ – เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน
หลังร้อยไหมเสร็จจะมีบาดแผลเป็นรอยรูเข็มเล็กๆ บริเวณไรผมตามจำนวนเส้นไหม โดยรูเข็มจะปิดเองและไม่เห็นรอยแผลเป็น
ข้อดีของไหมโครงตาข่าย
- ปลอดภัยสูง – วัสดุ Polydioxanone สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย ผ่านการรับรองจาก Thai FDA, CE Mark และ KFDA
- เห็นผลทันที – ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ และจะดียิ่งขึ้นในช่วง 1-3 เดือน
- ผลลัพธ์ยืนยาว – คงอยู่ได้ 1-2 ปี นานกว่าไหมชนิดอื่น เนื่องจากมีแรงยึดและแรงตรึงที่แข็งแรงกว่าถึง 100 เท่า
- กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีเยี่ยม – โครงตาข่ายช่วยให้เนื้อเยื่อและคอลลาเจนสร้างขึ้นใหม่ตลอดทั้งเส้นไหม ทำให้ผิวฟูขึ้น แน่นขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด – ใช้เวลาเพียง 30-60 นาที ไม่มีแผลเป็น บวมช้ำน้อย
- ใช้ได้กับคนแก้มตอบ – ที่เป็นข้อจำกัดของไหมชนิดอื่น เพราะตาข่ายช่วยลดการเกิดรอยรั้งไหม
- ออกแบบให้ใช้งานง่าย – ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นนาน
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมโครงตาข่าย
เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง ควรปฏิบัติ ดังนี้
- งดวิตามินและอาหารเสริม – เช่น วิตามิน E, Collagen, ใบแปะก๊วย, น้ำมันตับปลา ก่อนร้อยไหม 3-7 วัน
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด – เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ไอบูโพรเฟน ก่อนร้อยไหม 7 วัน เพื่อลดการเกิดเลือดออกและฟกช้ำ
- สระผมก่อนมาทำ – เพราะหลังร้อยไหมต้องงดให้รูเข็มโดนน้ำ 2 วัน
- งดแอลกอฮอล์ – ก่อนร้อยไหม 1-3 วัน เพราะทำให้เลือดแข็งตัวยาก อาจบวมช้ำง่าย
- งดทำฟัน – หากมีนัด ควรทำฟันก่อนมาร้อยไหม เพราะหลังร้อยไหมต้องงดอ้าปากกว้าง
- แจ้งประวัติการแพ้ยา – แจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้ง
การดูแลหลังร้อยไหมโครงตาข่าย
ช่วงเวลาหลังร้อยไหมมีส่วนสำคัญต่อผลลัพธ์ ควรปฏิบัติ ดังนี้
- ประคบเย็นหรือน้ำแข็ง – ตามแนวการร้อยไหม 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม
- งดให้รูแผลโดนน้ำ ครีม เครื่องสำอาง – 2 วันแรก
- ใส่ผ้ารัดหน้า – เพื่อประคองไหมและผิวให้แนบติดกัน ลดการเคลื่อนของไหม 2-4 สัปดาห์แรก
- งดขยับใบหน้าแรงๆ กดนวดคลึงใบหน้า – 4 สัปดาห์
- งดอาหารหมักดอง แอลกอฮอล์ อาหารรสจัด – 2 สัปดาห์
- ทานยาตามที่แพทย์สั่ง – อย่างเคร่งครัด เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ
- สังเกตอาการตัวเอง – หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมหรือเจ็บมากขึ้น ผิวแดงอุ่น หรือชาปากเบี้ยว ให้รีบพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นปกติและจะหายไปเอง ได้แก่
- อาการบวม (3-7 วันแรก)
- อาการตึงรั้งใต้ผิว (เนื่องจากไหมยึดเกาะ)
- รอยเขียวช้ำบ้าง (จะค่อยๆหายไป)
อาการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติและจะดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้บวมช้ำลดลงเร็วขึ้นและผลลัพธ์คงทนนานขึ้น
บทสรุป
ร้อยไหมโครงตาข่าย เป็นนวัตกรรมการยกกระชับใบหน้าที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างตาข่ายพิเศษที่หุ้มรอบเส้นไหม ทำให้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมชนิดอื่นหลายเท่า ด้วยเทคนิคการร้อยแบบเฉพาะที่ไม่ต้องตัดไหม แต่ใช้วิธี Reinsertion เพื่อเพิ่มแรงยก จึงทำให้ผลลัพธ์คงทนยาวนานถึง 1-2 ปี
ไหมโครงตาข่ายเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มตอบ ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และต้องการผลลัพธ์ระยะยาว ทำจากวัสดุที่ปลอดภัย ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
หากคุณกำลังพิจารณาเลือกใช้บริการร้อยไหม ไหมโครงตาข่ายน่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ให้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่ควรเลือกทำกับคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ และใช้ไหมที่นำเข้าอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมตัวและดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย