ฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี? เปรียบเทียบยี่ห้อ คุณสมบัติ และราคา
การเลือกฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี ถือเป็นคำถามสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของหัตถการและความพึงพอใจในระยะยาว เนื่องจากคางเป็นจุดที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยและมีโครงสร้างที่ซับซ้อน คุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจึงส่งผลต่อความเป็นธรรมชาติ ความทนทาน และที่มีความปลอดภัยสูง
แบรนด์ฟิลเลอร์ที่ดีเหมาะสำหรับคางควรมีคุณสมบัติในการยกกระชับ เติมเต็มได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง และไม่เคลื่อนตัวง่าย บทความนี้จะเปรียบเทียบฟิลเลอร์คาง 5 ยี่ห้อยอดนิยมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งจาก FDA และอย.ไทย พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
สารบัญ
ฟิลเลอร์คางคืออะไร และแก้ปัญหาคางแบบไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์คางเป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าสู่บริเวณคางเพื่อปรับรูปทรง แก้ไขความไม่สมมาตร หรือเพิ่มปริมาตรให้คางที่สั้นหรือเล็กเกินไป การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดังนี้
- คางสั้นหรือหดเข้า ทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล
- คางแคบหรือเรียวเกินไป ทำให้ใบหน้าดูแหลม
- รอยบุ๋มบริเวณคาง (chin dimple)
- ริ้วรอยหรือร่องลึกบริเวณคาง
- คางที่ไม่สมมาตร หรือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
- ปรับให้มีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น สร้างมิติให้ใบหน้า
ข้อดีของฟิลเลอร์คางเมื่อเทียบกับการผ่าตัดคือ ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่มีแผลผ่าตัด ใช้เวลาทำเพียง 15-30 นาที เห็นผลทันที และมีระยะพักฟื้นน้อยมาก
เมื่อต้องตัดสินใจว่าฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี มีตัวเลือกที่น่าสนใจหลายยี่ห้อ ทั้งจากยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นแตกต่างกัน ดังนี้
1. Juvederm (สหรัฐอเมริกา)
ใช้เทคโนโลยี Vycross และ Hylacross ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและกระจายตัวสม่ำเสมอ มีความสามารถในการยกกระชับสูง ทนต่อการขยับได้ดี ไม่เคลื่อนตัวง่าย
รุ่นที่เหมาะกับคาง
- Juvederm Volux – เนื้อแข็งที่สุดของ Juvederm ปั้นทรงได้ง่าย มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน (18-24 เดือน)
- Juvederm Voluma XC – เนื้อแข็งปานกลาง มีความเข้มข้นของ HA ที่ 20 mg/ml เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้คางดูเป็นธรรมชาติ (12-18 เดือน)
2. Restylane (สวีเดน)
ใช้เทคโนโลยี NASHA และ OBT ทำให้มีความคงตัวดีและยืดหยุ่นได้ดี ฟิลเลอร์มีลักษณะแข็งกว่าบางแบรนด์ เหมาะกับการปั้นรูปคางที่ต้องการความชัดเจน
รุ่นที่เหมาะกับคาง
- Restylane Perlane Lyft – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟูมาก คงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับการฉีดคางที่ต้องการความชัดเจน (12 เดือน)
- Restylane Defyne – ฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงกดและแรงบิดได้ดี กระจายตัวกลืนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน (18 เดือน)
3. Revolax (เกาหลีใต้)
ใช้เทคโนโลยี CHAP (Cross-Linked High Acyl Patterned) ทำให้ฟิลเลอร์มีการกระจายตัวที่ดีและมีความสม่ำเสมอ มีความยืดหยุ่นสูง ปรับเข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
รุ่นที่เหมาะกับคาง
Revolax Deep หรือ Revolax Sub-Q สำหรับการเพิ่มปริมาตรและปรับรูปคาง (12-18 เดือน)
4. E.P.T.Q. (เกาหลีใต้)
ใช้เทคโนโลยี 2CM และ ZEEP ทำให้มีโครงสร้างโมเลกุล HA ในรูปแบบรวงผึ้ง เนื้อฟิลเลอร์มีความหนืดและยืดหยุ่นดี กระจายตัวสม่ำเสมอ
รุ่นที่เหมาะกับคาง
E.P.T.Q. S300 (กล่องสีส้ม) เหมาะสำหรับปรับรูปคาง (6-12 เดือน)
5. Belotero (สวิตเซอร์แลนด์)
ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้ฟิลเลอร์เด่นในเรื่องความยืดหยุ่นและคงตัว ปั้นทรงได้ดี เหมาะกับการแก้ไขความไม่สมมาตรของคาง ราคาคุ้มค่ากว่าบางแบรนด์
รุ่นที่เหมาะกับคาง
- Belotero Volume – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้าได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดคาง (12-18 เดือน)
- Belotero Intense – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง แต่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว สามารถนำมาฉีดเสริมคางได้ดี (18 เดือน)
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกฟิลเลอร์คาง
เมื่อต้องตัดสินใจว่าฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี สำหรับคุณ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
ลักษณะปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- ต้องการเพิ่มความยาวของคาง ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความแข็งพอสมควร เช่น Restylane Lyft หรือ Juvederm Voluma
- ต้องการเพิ่มความกว้างหรือปรับรูปทรงคาง ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ปั้นทรงได้ดี เช่น E.P.T.Q.
ความทนทานและระยะเวลาที่ต้องการ
- หากต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นสูงและมีการเชื่อมขวางมาก เช่น Juvederm Voluma
- หากเป็นการทดลองปรับรูปคางครั้งแรก อาจเลือกฟิลเลอร์ที่อยู่ได้ไม่นานนักแต่ราคาย่อมเยากว่า เช่น E.P.T.Q.
ความต้องการด้านความเป็นธรรมชาติ
- หากต้องการผลลัพธ์ที่ดูนุ่มและเป็นธรรมชาติมาก ควรเลือก Juvederm
- หากต้องการรูปคางที่ชัดเจนและมีมิติ ควรเลือก Restylane หรือ Belotero
งบประมาณ
- ฟิลเลอร์จากยุโรปและอเมริกา (Juvederm, Restylane, Belotero) มักมีราคาสูงกว่า
- ฟิลเลอร์จากเอเชีย (E.P.T.Q., Revolax) มักมีราคาที่ย่อมเยากว่าแต่อาจอยู่ได้ไม่นานเท่า
ประสบการณ์ของแพทย์
- แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญกับฟิลเลอร์ยี่ห้อใดเป็นพิเศษจะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
- บางคลินิกอาจมีความชำนาญเฉพาะกับบางแบรนด์
สำหรับคางสั้นต้องการเพิ่มความยาว
- แนะนำ: Juvederm Volux, Restylane Lyft
- เหตุผล: มีความแข็งและการยึดเกาะที่ดี สามารถยื่นคางได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับปรับรูปทรงคางให้มีมิติ
- แนะนำ: Revolax Deep, Belotero Volume
- เหตุผล: ปั้นทรงได้ดี ให้ความชัดเจนและสามารถปรับแต่งได้ละเอียด
สำหรับแก้ไขความไม่สมมาตรของคาง
- แนะนำ: Restylane, E.P.T.Q.
- เหตุผล: มีความแม่นยำในการจัดวางสูง และปรับแต่งได้ดี
สำหรับผู้มีงบประมาณจำกัด
- แนะนำ: E.P.T.Q. S300, Revolax Deep
- เหตุผล: ราคาย่อมเยากว่าแต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ดี
สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
- แนะนำ: Juvederm Volux (อยู่ได้ถึง 24 เดือน)
- เหตุผล: มีความเข้มข้นสูงและการเชื่อมขวางมาก ทำให้สลายตัวช้า
ราคาฟิลเลอร์คางแต่ละยี่ห้อ
ราคาฟิลเลอร์คางในประเทศไทยมีความแตกต่างกันตามแบรนด์ คลินิก และปริมาณที่ใช้ โดยเฉลี่ยมีราคาดังนี้
ฟิลเลอร์แบรนด์ระดับพรีเมียม (ยุโรป/อเมริกา)
- Juvederm Volux: 18,000 – 25,000 บาท ต่อ 1 cc
- Juvederm Voluma: 13,000 – 15,900 บาท ต่อ 1 cc
- Restylane Perlane Lyft: 13,000 – 15,000 บาท ต่อ 1 cc
- Restylane Defyne: 13,000 – 15,000 บาท ต่อ 1 cc
- Belotero Volume/Intense: 9,000 – 14,000 บาท ต่อ 1 cc
ฟิลเลอร์แบรนด์ระดับกลาง (เกาหลี)
- Revolax Deep/Sub-Q: 7,000 – 12,000 บาท ต่อ 1 cc
- E.P.T.Q.: 8,000 – 15,000 บาท ต่อ 1 cc
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์คางจะใช้ปริมาณประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาและผลลัพธ์ที่ต้องการ การฉีดครั้งแรกอาจใช้ปริมาณมากกว่า และการฉีดครั้งต่อไปเพื่อรักษาผลลัพธ์อาจใช้ปริมาณน้อยลง ปริมาณฟิลเลอร์คาง 1 ซีซี เพียงพอสำหรับการปรับรูปคางให้มีความละมุนสวยงามขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น อาจต้องฉีด 2 ซีซี แต่ไม่ควรฉีดมากเกินไปเพราะอาจทำให้คางดูผิดธรรมชาติหรือเป็นก้อนได้
บทสรุป
การเลือกฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดีควรพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งลักษณะปัญหาที่ต้องการแก้ไข ความต้องการด้านความทนทาน ความเป็นธรรมชาติ และงบประมาณ ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่จะมีฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
หากต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานและเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน Juvederm Volux เป็นตัวเลือกที่โดดเด่น หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ Juvederm Voluma และ Revolax Deep เป็นตัวเลือกที่ดี หากต้องการปรับรูปทรงให้ชัดเจน Restylane Lyft และ Restylane Defyne อาจเหมาะสมกว่า หากต้องการความคุ้มค่าด้านราคา Belotero ให้ผลลัพธ์ดีในราคาที่ย่อมเยากว่า และหากมีงบประมาณจำกัด Revolax และ E.P.T.Q. ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่ย่อมเยากว่า