รู้จักฟิลเลอร์ก่อนฉีด ปัจจุบันมียี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองในไทย 11 ยี่ห้อ ตั้งแต่แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Juvederm และ Restylane จนถึงแบรนด์น้องใหม่ที่น่าสนใจ แต่ละยี่ห้อมีหลายรุ่น คุณสมบัติและราคาแตกต่างกัน สำคัญที่สุดคือต้องปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวของคุณ
เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสม
ฟิลเลอร์ คืออะไร มีกี่ชนิด/ประเภท
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่ใช้ในการเสริมความงาม โดยส่วนใหญ่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ แบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก
ฟิลเลอร์ชั่วคราว
เป็นประเภทที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ อยู่ได้นาน 6-18 เดือน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร
มีระยะเวลาอยู่ได้นาน 2-5 ปี มีความเสี่ยงสูงกว่าแบบชั่วคราว จึงเหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์มาก่อน และต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ฟิลเลอร์ถาวร
เป็นประเภทที่ไม่สามารถสลายตัวได้เอง มีความเสี่ยงสูงและแก้ไขได้ยากหากเกิดปัญหา แพทย์ส่วนใหญ่จึงไม่แนะนำให้ใช้
ฟิลเลอร์คอลลาเจนจากสัตว์
เป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกๆ ที่เคยใช้ แต่มีความเสี่ยงต่อการแพ้สูง และผลลัพธ์อยู่ได้สั้น ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยมและถูกแทนที่ด้วยฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ปลอดภัยกว่า
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ อยากฉีดแต่ไม่อยากเสี่ยง เรื่องต้องรู้ก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนปลอดภัยสุด
ฟิลเลอร์ที่จะนำมาฉีดต้องเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือได้และผ่านมาตรฐานการรับรองจากหน่วยงานอทั้งไทย (อย.) และต่างประเทศ (FDA) มีทั้งหมด 11 ยี่ห้อด้วยกัน
Juvederm Voluma
เป็นรุ่นที่มีเนื้อเข้มข้นที่สุดในตระกูล VYCROSS เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม โหนกแก้ม และคาง ให้ผลลัพธ์การยกกระชับและเพิ่มมิติใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน ราคาประมาณ 20,000-25,000 บาท/ซีซี
Juvederm Volift
มีเนื้อปานกลาง กระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับแก้ไขร่องแก้มลึกและริ้วรอยที่เห็นชัด สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ราคา 15,000-18,000 บาท/ซีซี
Juvederm Volbella
ออกแบบมาเพื่อริมฝีปากโดยเฉพาะ ด้วยเนื้อที่บางพิเศษ ให้ความนุ่มนวล สามารถแก้ไขริ้วรอยรอบปากได้ดี อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน โดยราคาประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Juvederm Volite
เน้นการปรับปรุงคุณภาพผิว ด้วยเนื้อที่บางที่สุด กระจายตัวได้ดีมาก เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว มีระยะเวลาอยู่ได้ 9-12 เดือน ราคา 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Juvederm Ultra XC
เหมาะกับการแก้ไขริ้วรอยปานกลางและเติมริมฝีปาก มีเนื้อปานกลาง ยืดหยุ่นดี อยู่ได้ 6-9 เดือน ส่วน Ultra Plus XC มีเนื้อที่เข้มข้นกว่า เหมาะกับริ้วรอยลึกและการเพิ่มปริมาตรริมฝีปากที่มากกว่า อยู่ได้ 9-12 เดือน โดยราคาประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Juvederm Ultra plus XC
เมื่อเปรียบเทียบกับ Ultra XC เนื้อเจลของฟิลเลอร์ตัวนี้จะมีความหนานุ่ม และเหนียวกว่า ช่วยให้การยกกระชับมากขึ้น โดยเน้นการรักษาตำแหน่งร่องแก้ม โหนกแก้ม และปรับรูปคาง ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ราคาโดยประมาณ 15,000-20,000 บาท/ซีซี
Juvederm Volux
เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อการเสริมคางและกรามโดยเฉพาะ มีเนื้อที่แน่น สามารถเพิ่มโครงสร้างได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คมกริบ และอยู่ได้นาน 18-24 เดือน โดยราคาอยู่ประมาณ 15,000-20,000 บาท/ซีซี
ทุกรุ่นของ Juvederm ได้รับการรับรองจาก FDA มีส่วนผสมของยาชา Lidocaine เพื่อลดความเจ็บปวด และใช้เทคโนโลยี VYCROSS® ที่ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูงและกระจายตัวได้ดี
2.ยี่ห้อฟิลเลอร์ Restylane
Restylane เป็นฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากประเทศสวีเดน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี NASHA ที่ทำให้ฟิลเลอร์มีความเสถียรสูง คงรูปได้ดี มีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามการใช้งาน มีทั้งหมด 8 รุ่น ดังนี้
Restylane Classic
รุ่นแรกของแบรนด์ที่เหมาะกับการแก้ไขริ้วรอยระดับกลางและร่องแก้มตื้นถึงปานกลาง อยู่ได้ 12-15 เดือน 10,000-12,000 บาท/ซีซี
Restylane Refyne
ช่วยเน้นความยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ เหมาะกับริ้วรอยระดับกลาง อยู่ได้นานขึ้นถึง 12-15 เดือน ราคา 15,000-18,000 บาท/ซีซี
Restylane Defyne
ให้ความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ไขร่องแก้มลึกและปรับรูปหน้า ช่วยเติมเต็มบริเวณคางและแก้ไขริ้วรอยลึก ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นปานกลาง ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เคลื่อนไหวได้อิสระ และอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
Restylane Lyft
เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเข้มข้นที่สุดในตระกูล Restylane เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรแก้มและโหนกแก้ม รวมถึงการยกกระชับใบหน้าและแก้ไขร่องลึกที่ชัดเจน ให้ผลลัพธ์ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีและอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ราคาโดยประมาณ 15,000-18,000 บาท/ซีซี
Restylane Volyme
โดดเด่นด้านการเพิ่มปริมาตรและความอิ่มเต็ม เหมาะกับการเสริมแก้มและคาง อยู่ได้ 12-15 เดือน ราคาโดยประมาณ 20,000-25,000 บาท/ซีซี
Restylane Vital Light
เป็นเนื้อฟิลเลอร์ที่บางพิเศษ เหมาะสำหรับผิวบอบบาง โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและรอบดวงตา สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวบางบริเวณคอและมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยู่ได้ 6-12 เดือน ราคาโดยประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Restylane Vital
มีเนื้อที่เข้มข้นกว่า เน้นการปรับสภาพผิวโดยรวม เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ เพิ่มความยืดหยุ่น อยู่ได้ 8-12 เดือน ราคาโดยประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Restylane Kysse
เพิ่มปริมาตรริมฝีปากอย่างเป็นธรรมชาติ ลดเลือนริ้วรอยรอบปาก เคลื่อนไหวได้อิสระ ไม่แข็งผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ราคาโดยประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
ทุกรุ่นของ Restylane ได้รับการรับรองจาก FDA มีงานวิจัยรองรับมากมาย และเหมาะกับผิวคนเอเชียเป็นพิเศษ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในวงการความงาม
3.ยี่ห้อฟิลเลอร์ Belotero
Belotero เป็นฟิลเลอร์พรีเมียมที่ผลิตโดยบริษัท Merz Pharmaceuticals จากประเทศเยอรมนี โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ให้การกระจายตัวดีเยี่ยม เข้ากับเนื้อเยื่อได้อย่างกลมกลืน มีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้
Belotero Balance
มีเนื้อปานกลาง เหมาะสำหรับแก้ไขริ้วรอยระดับกลาง โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มและรอบปาก ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ราคาโดยประมาณ 12,000-15,000 บาท/ซีซี
Belotero Intense
มีเนื้อที่เข้มข้นขึ้น เน้นการเพิ่มปริมาตรและแก้ไขร่องลึก อยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน ราคาโดยประมาณ 15,000-18,000 บาท/ซีซี
Belotero Soft
มีเนื้อบาง เหมาะสำหรับแก้ไขริ้วรอยตื้นและบริเวณรอบดวงตา อยู่ได้ 6-9 เดือน ราคาโดยประมาณ 10,000-12,000 บาท/ซีซี
Belotero Volume
มีเนื้อที่เข้มข้นเป็นพิเศษ ออกแบบมาเพื่อการเพิ่มปริมาตรแก้มและยกกระชับใบหน้าโดยเฉพาะ ให้ผลลัพธ์นานถึง 12-18 เดือน ราคาโดยประมาณ 18,000-20,000 บาท/ซีซี
จุดเด่นของ Belotero คือการกระจายตัวที่ดีเยี่ยม ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ เข้ากับเนื้อเยื่อได้ดี พร้อมด้วยการรับรองจาก FDA และมียาชาผสมเพื่อความสบายระหว่างการรักษา ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟิลเลอร์คุณภาพสูง
4.ยี่ห้อฟิลเลอร์ Perfecta
Perfectha เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส ที่มาพร้อมเทคโนโลยี E-brid™ ให้ความบริสุทธิ์สูงและการกระจายตัวที่ดี แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ตามการใช้งาน โดยประมาณ 15,000-20,000 บาท/ซีซี มีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
รุ่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อ Perfecta
- Perfectha Subskin
- Perfectha Deep
- Perfectha Derm
- Perfectha Fine lines
- Perfectha Complement
- Neuramis Light
- Neuramis Deep
- Neuramis Volume
- Neuramis Lidocaine
Revanesse เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตในประเทศแคนาดา มาพร้อมนวัตกรรม Thixofix Technology ที่พัฒนาการเชื่อมโมเลกุล HA ให้มีความยืดหยุ่นเหมาะสม คงทน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ฟิลเลอร์ Yvoire อ่านว่า อีโวร์ เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์น้องใหม่คุณภาพพรีเมียม ที่มีชื่อมานานในประเทศเกาหลี เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่พัฒนาโดย บริษัท แอลจี เคม (LG Chem) บริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ในปัจจุบันมีอยู่ 3 รุ่น ดังนี้
- Classic plus ใช้สำหรับผิวชั้นบนมีโมเลกุล 400 เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา
- Volume Plus ใช้สำหรับผิวชั้นกลาง มีโมเลกุล 900 เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก ขมับ และปาก
- Contour ใช้สำหรับผิวชั้นลึก มีโมเลกุล 1,400 เหมาะสำหรับฉีดโหนกแก้ม คาง และเน้นฉีดกรอบหน้าโดยเฉพาะ ช่วยเรื่องการยกกระชับใบหน้าได้เป็นอย่างดี
8.ยี่ห้อฟิลเลอร์ Definisse
ยี่ห้อฟิลเลอร์น้องใหม่ ผลิตโดยบริษัท Relife Company ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ A.Menarini ประเทศอิตาลี โดยมีมีบริษัท A.Menarini Thailand เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในเรื่องของการพยุง ยกใบหน้าให้เต่งตึงด้วยเทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse มีทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้
- รุ่น Core
- รุ่น Restore
- รุ่น Touch
9.ยี่ห้อฟิลเลอร์ Variofill
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Variofill ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาบริเวณสะโพก และก้นโดยเฉพาะ จึงทำให้ตัวยามีความเข้มข้นสูงถึง 33 mg/ml ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Cross-Linked มีลักษณะเป็นโมเลกุลที่มีอนุภาคเกาะกลุ่มกัน เหมาะกับการเคลื่อนไหว ขึ้นรูปง่าย และกดทับเป็นอย่างดี
Rovolax หลายคนมักรู้จักในชื่อของ ฟิลเลอร์อังกฤษ แต่แท้จริงแล้วเป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้ชื่อว่าฟิลเลอร์อังกฤษ เพราะขายดีที่สุดในประเทศอังกฤษนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่น ลดการเสี่ยงเกิดอาการแพ้ได้ ปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Revolax มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน
12.ยี่ห้อฟิลเลอร์ E.P.T.Q
E.P.T.Q อีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ที่กำลังได้รับความนิยมในราคาที่จับต้องได้ ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัท Jetema Co., Ltd. ในประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันในประเทศไทยมีการนำเข้าจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องโดยบริษัท Aestema Thailand ซึ่งมีความปลอดภัยสูงได้รับการรับรองจากอย.ไทย (TH FDA), CE Mark อย.เกาหลี (KFDA) EDQM และ อย.อเมริกา (US FDA) มีทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ดังนี้
S100
จุดสังเกตของรุ่นนี้จะมีกล่องสีเขียว คุณสมบัติมีเนื้อนิ่มเบา เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับเติมเต็มในผิวชั้นตื้น ริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน
S300
จุดสังเกตรุ่นนี้คือ กล่องสีส้ม คุณสมบัติมีเนื้อแข็งปานกลาง ยืดหยุ่นได้ดี เกาะกับผิวได้แน่น ปั้นทรงขึ้นทรงสวย เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก
S500
จุดสังเกตของยี่ห้อฟิลเลอร์ e.p.t.q รุ่นนี้ จะมีกล่องสีน้ำเงิน เมื่อเทียบกับ 2 รุ่นก่อนหน้า รุ่นนี้จะมีเนื้อแข็งที่สุด คงตัวและยืดหยุ่นได้ดี เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มชั้นกระดูก และไขมันชั้นลึกที่ยุบตัว
การเลือกแบรนด์ฟิลเลอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่จะได้รับ ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายแบรนด์ในตลาด แต่ที่ได้รับความนิยมและความเชื่อถือระดับโลกมี 2 แบรนด์หลัก มาดูกันว่าแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นอย่างไร
Juvederm โดย Allergan
เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกาที่ครองตำแหน่งผู้นำตลาดระดับโลก โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี VYCROSS® ที่ให้ความยืดหยุ่นสูงและกระจายตัวได้ดีเยี่ยม ทำให้เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานถึง 12-24 เดือนขึ้นอยู่กับรุ่น มีผลิตภัณฑ์หลากหลายให้เลือกตามการใช้งาน เช่น Voluma สำหรับเพิ่มปริมาตร และ Volbella สำหรับริมฝีปาก แต่ละรุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน
Restylane โดย Galderma
เป็นแบรนด์จากประเทศสวีเดนที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานยุโรป มาพร้อมเทคโนโลยี NASHA ที่ให้การคงรูปที่ดีเยี่ยม ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นและอยู่ทรงดี สามารถอยู่ได้นาน 6-18 เดือน โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะทางอย่าง Kysse สำหรับริมฝีปาก และ Lyft สำหรับการยกกระชับ
ทั้งสองแบรนด์ได้รับการรับรองจาก FDA มีงานวิจัยรองรับมากมาย และมีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผิวคนเอเชีย การเลือกใช้ฟิลเลอร์แบรนด์ใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบริเวณที่ต้องการฉีด ผลลัพธ์ที่ต้องการ คำแนะนำของแพทย์ และงบประมาณที่มี ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ปลอมจำนวนมากในท้องตลาด ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงหากนำมาใช้ มาเรียนรู้วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ก่อนตัดสินใจฉีด
วิธีสังเกตบรรจุภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์แท้ต้องมาในกล่องที่ได้มาตรฐาน มีซีลปิดสนิท พร้อมฮอโลแกรมของแบรนด์ที่ชัดเจน ระบุข้อมูลผลิตภัณฑ์ครบถ้วน ทั้งเลขทะเบียน อย. วันผลิต วันหมดอายุ และเลข LOT number ที่ต้องตรงกับหลอดฟิลเลอร์
การตรวจสอบหลอดฟิลเลอร์
หลอดฟิลเลอร์แท้จะถูกบรรจุในซองปลอดเชื้อที่ไม่มีรอยชำรุดหรือรั่วซึม สารในหลอดต้องใสไม่มีตะกอน และข้อมูลบนหลอดต้องตรงกับที่ระบุบนกล่อง
ราคาฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ฟิลเลอร์แท้จะมีราคามาตรฐานใกล้เคียงกันในท้องตลาด ควรระวังราคาที่ถูกผิดปกติหรือโปรโมชั่นที่ลดราคามากเกินไป เพราะอาจเป็นของปลอม
การเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์
ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำ ไม่ควรซื้อฟิลเลอร์จากแหล่งไม่น่าเชื่อถือหรือทางอินเทอร์เน็ต
ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก
- ศึกษาประวัติแพทย์ผู้ทำการรักษา
- เช็คการรับรองจาก อย.
- สังเกตความผิดปกติของผลิตภัณฑ์
อ่านเพิ่มเติม : รู้ก่อนฉีด โปรแกรมฟิลเลอร์อันตรายไหม ควรฉีดไหม
สรุป
ปัจจุบันในประเทศไทยมี ยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งหมด 11 ยี่ห้อ โดยทุกยี่ห้อต้องมีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิคแอซิด (HA) เท่านั้น ได้แก่ Juvederm, Restylane, Neuramis, Belotero, Revanesse Ultra, Perfectha, Yviore, Variofill และ Revolax
อย่างไรก็ตาม การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประกันถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณได้
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีด ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละยี่ห้อและคลินิกอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยมากกว่าราคาในการตัดสินใจ