ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบใช้กี่ cc ได้ผลลัพธ์สวย ไม่เป็นก้อน

หลายคนที่กำลังพิจารณาแก้ปัญหาแก้มตอบมักจะสงสัยว่า ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบใช้กี่ cc จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและสวยงาม การทราบปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง 

บทความนี้จะตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ตั้งแต่ปริมาณที่ควรใช้ ราคา ยี่ห้อที่แนะนำ ไปจนถึงข้อควรระวังสำคัญที่คุณควรรู้

• ปริมาณฟิลเลอร์แก้มตอบที่เหมาะสม

• ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แนะนำสำหรับแก้มตอบ

• การคำนวณราคาตามปริมาณ

• เทคนิคการฉีดและผลลัพธ์

การตอบคำถาม ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบใช้กี่ cc นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ปริมาณดังนี้

ปริมาณพื้นฐานสำหรับแก้ปัญหาแก้มตอบ

• แก้มตอบเล็กน้อย: 1-2 cc ต่อข้าง
• แก้มตอบปานกลาง: 2-3 cc ต่อข้าง
• แก้มตอบลึก: 3-4 cc ต่อข้าง
• กรณีรุนแรง: อาจต้องใช้ถึง 5-6 cc ต่อข้าง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณ

ปริมาณที่ใช้จะแตกต่างกันตามสภาพใบหน้าของแต่ละบุคคล แบ่งเป็นปัจจัยหลัก ดังนี้

• ความลึกของแก้มตอบ – ยิ่งตอบลึกก็ต้องใช้มากขึ้น
• ขนาดใบหน้า – หน้าใหญ่ต้องการปริมาณมากกว่า
• อายุและสภาพผิว – ผิวที่เสื่อมมากต้องการการเติมเต็มมากขึ้น
• ผลลัพธ์ที่ต้องการ – ต้องการความเต็มมากแค่ไหน

อ่านเพิ่มเติม : รวมเรื่องต้องรู้ก่อนฉีด ฟิลเลอร์แก้มตอบ ให้ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย

เมื่อรู้แล้วว่า ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบใช้กี่ cc สิ่งสำคัญต่อไปคือการเลือกยี่ห้อที่เหมาะสม ดังนี้

1. Juvederm 

• Juvederm Voluma : เหมาะกับการเติมปริมาณมาก มีความหนาแน่นสูง คงรูปได้ดี อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
• Juvederm Volift : เนื้อนุ่มกว่า เหมาะกับการเติมแก้มตอบเล็กน้อย ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 12-18 เดือน

จุดเด่น: เทคโนโลยี Vycross ทำให้กระจายตัวสม่ำเสมอ ลดการบวมช้ำ

2. Restylane

• Restylane Lyft: ความหนาแน่นสูงที่สุด เหมาะกับแก้มตอบลึก คงรูปได้ยาวนาน อยู่ได้ 15-18 เดือน
• Restylane Volyme: สมดุลระหว่างความแข็งและความนุ่ม เหมาะกับการฉีดปริมาณกลาง อยู่ได้ 12-15 เดือน

จุดเด่น: เทคโนโลยี NASHA ให้ความคงตัวและความปลอดภัยสูง

3. e.p.t.q 

• e.p.t.q S300: ฟิลเลอร์พรีเมียมจากเกาหลี เนื้อแน่นปานกลาง เหมาะกับแก้มตอบทั่วไป อยู่ได้ 10-15 เดือน
• e.p.t.q S500: ความหนาแน่นสูง เหมาะกับการเติมปริมาณมาก ราคาคุ้มค่า อยู่ได้ 8-12 เดือน
• จุดเด่น: ราคาประหยัดกว่า ยังคงคุณภาพดี เป็นตัวเลือกสำหรับงบจำกัด

ราคาการฉีดจะคำนวณตามปริมาณที่ใช้ ขึ้นอยู่ปัญหาของแต่ละบุคคลที่ทำการแก้ไข แบ่งเป็นดังนี้

ตารางราคาฟิลเลอร์ต่อ cc (2025)

อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์แก้มตอบ ราคาเท่าไหร่ ? ยี่ห้อไหนดี อัปเดตล่าสุด 2025

การได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเพียงอย่างเดียว ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สามารถแบ่งได้ดังนี้

เทคนิคการฉีด

การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ ขั้นตอนการฉีดมีดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินใบหน้า

แพทย์จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อหาจุดที่แก้มตอบมากที่สุด และวางแผนการฉีดให้เหมาะสมกับสัดส่วนใบหน้าของผู้ป่วย

ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมตัวและทำความสะอาด

ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสารฆ่าเชื้อ และทายาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวด จากนั้นทำเครื่องหมายจุดที่จะฉีดด้วยดินสอเขียนผิว

ขั้นตอนที่ 3: การแบ่งโซนการฉีด

แพทย์จะแบ่งพื้นที่แก้มออกเป็นหลายโซน และฉีดเป็นชั้นๆ ตามความลึกของเนื้อเยื่อ เริ่มจากชั้นลึกก่อน แล้วค่อยฉีดชั้นบนตามลำดับ

ขั้นตอนที่ 4: การฉีดอย่างระมัดระวัง

ใช้เข็มทู่หรือแคนูล่าในการฉีด เพื่อลดการบาดเจ็บของเส้นเลือด แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์อย่างช้าๆ และควบคุมปริมาณอย่างระมัดระวัง

ขั้นตอนที่ 5: การกระจายตัวยา

หลังฉีดแต่ละจุด แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และไม่เกิดการเป็นก้อน

ขั้นตอนที่ 6: การปรับแต่งและตรวจสอบ

แพทย์จะประเมินผลลัพธ์และเติมฟิลเลอร์เพิ่มในจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ เพื่อให้ได้ความสมดุลและเป็นธรรมชาติที่สุด

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

• ทันทีหลังฉีด – เห็นผลการเปลี่ยนแปลง 70-80% แก้มเต็มขึ้นชัดเจน อาจมีบวมและรอยเข็มเล็กน้อย
• 1 สัปดาห์ – บวมลดลง ผลลัพธ์ชัดเจน 90% ฟิลเลอร์เริ่มปรับตัวเข้ากับเนื้อเยื่อ ความแข็งตึงลดลง
• 2 สัปดาห์ – ผลลัพธ์สมบูรณ์ 100% บวมหายสนิท แก้มดูเป็นธรรมชาติ โหนกแก้มนุ่มนวลลง
• 1-6 เดือน – สภาพดีที่สุด กระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ผิวกระชับมีความยืดหยุ่น
• 6-24 เดือน – ฟิลเลอร์ค่อยๆ สลายตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับการเติมครั้งถัดไป

บทสรุป

คำถาม ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบใช้กี่ cc มีคำตอบที่แตกต่างกันไปตามสภาพของแต่ละบุคคล โดยเฉลี่ยจะใช้ 2-4 cc ต่อข้าง การเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมและแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย อย่าลืมพิจารณางบประมาณและการดูแลหลังฉีดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในความงามของคุณ หากยังมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการประเมินที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพใบหน้าของคุณ