ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงามเนื่องจากเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัดในการแก้ไขปัญหาคางสั้น คางเล็ก หรือรูปหน้าที่ไม่สมส่วน การเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ไม่เพียงแต่ทำให้คางโดดเด่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลของใบหน้าทั้งหมด ทำให้โครงหน้าดูชัดเจนและสวยงามมากขึ้น
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อปรับรูปหน้า ประโยชน์ ข้อควรระวัง และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
สารบัญ
ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้าคืออะไร ?
ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า เป็นเทคนิคความงามที่ใช้สารเติมเต็ม (Fillers) ฉีดเข้าไปในบริเวณคางเพื่อเพิ่มปริมาตร ปรับรูปทรง และแก้ไขปัญหาความไม่สมส่วนของใบหน้า โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด สารที่นิยมใช้มากที่สุดคือฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติและสลายตัวได้เองเมื่อเวลาผ่านไป
ทำไมฟิลเลอร์คางจึงได้รับความนิยม?
- ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นทางเลือกที่ไม่รุกราน ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่มีแผลผ่าตัด
- เห็นผลทันที: สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องรอการฟื้นตัว
- ความเจ็บปวดน้อย: ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชาทำให้รู้สึกเจ็บน้อย
- ปรับแต่งได้: แพทย์สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการและแก้ไขได้หากไม่พอใจ
- ไม่ถาวร: หากไม่พอใจสามารถรอให้ฟิลเลอร์สลายตัวเองตามธรรมชาติ หรือฉีดน้ำยาละลายได้ (ในกรณีฟิลเลอร์ประเภท HA)
- เวลาพักฟื้นสั้น: สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันทีหลังทำ
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์คาง ฉีดปรับรูปคางให้ดูสมดุล ละมุนสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด
การเลือกแบรนด์ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการทำ ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ปัจจุบันมีแบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพสูงหลายยี่ห้อที่แพทย์ผู้ชำนาญการเลือกใช้ในการเสริมคาง
1. Juvéderm
ผลิตโดย: Allergan Aesthetics
ผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับคาง: Juvéderm Voluma XC, Juvéderm Volux
คุณสมบัติพิเศษของยี่ห้อ Juvederm มีดังนี้
- เนื้อฟิลเลอร์หนาแน่น ให้โครงสร้างที่แข็งแรง
- ใช้เทคโนโลยี Vycross ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์เกาะตัวได้ดี
- มียาชาลิโดเคน (Lidocaine) ผสมอยู่ ช่วยลดความเจ็บปวด
- อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- ได้รับการรับรองจาก FDA
เหมาะสำหรับ: การเพิ่มโครงสร้างที่ชัดเจน สร้างมุมคางที่คมและยกกรอบหน้า
2. Restylane
ผลิตโดย: Galderma
ผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับคาง: Restylane Lyft, Restylane Defyne
คุณสมบัติพิเศษของยี่ห้อ Restylane มีดังนี้
- ใช้เทคโนโลยี NASHA และ XpresHAn
- มีความยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ
- เนื้อสัมผัสนุ่มกว่า Juvéderm
- อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
- มียาชาลิโดเคนผสม
เหมาะสำหรับ: การเสริมคางที่ดูอ่อนโยน เป็นธรรมชาติ รวมถึงการปรับรูปหน้าที่ละเอียดอ่อน
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี? เปรียบเทียบยี่ห้อ คุณสมบัติ และราคา
การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะกับรูปหน้า
- หน้ากลม: เน้นการยืดคางให้ยาวขึ้นเพื่อทำให้ใบหน้ารับรูปไข่
- หน้าเหลี่ยม: เสริมคางให้มีความโค้งมนเพื่อลดความแข็งของโครงหน้า
- หน้ารูปหัวใจ: เพิ่มความกว้างของคางเพื่อสร้างสมดุล
- หน้ายาว: เพิ่มความกว้างของคางมากกว่าความยาว เพื่อลดความยาวของใบหน้า
ขั้นตอนการทำฟิลเลอร์คางและสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
การทำ ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและใช้เวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจกระบวนการทั้งหมดก่อนตัดสินใจ
ขั้นตอนการทำฟิลเลอร์คาง
- การปรึกษาแพทย์: แพทย์จะประเมินโครงสร้างใบหน้า ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และวางแผนการรักษา
- การเตรียมตัว: ทำความสะอาดผิวและทายาชาเฉพาะที่ (หากจำเป็น)
- การฉีด: แพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่บริเวณคางในจุดที่กำหนดไว้ตามแผน
- การปั้นแต่ง: แพทย์นวดและปั้นแต่งฟิลเลอร์ให้มีรูปทรงที่ต้องการ
- การประเมินผล: ตรวจสอบความสมมาตรและผลลัพธ์โดยรวม
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
การเตรียมตัวก่อนทำ
- งดการใช้ยาต้านการอักเสบและยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน, วิตามินอี) อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- แจ้งประวัติแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
ความเจ็บปวดและความรู้สึกระหว่างทำ
- ส่วนใหญ่รู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ฟิลเลอร์หลายชนิดมีส่วนผสมของยาชาลิโดเคน
- แพทย์อาจทายาชาเฉพาะที่หรือใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดความเจ็บปวด
ระยะเวลาในการทำ
- ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที (ไม่รวมเวลาทายาชา)
- สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังทำ
การทำ ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งต่อโครงสร้างใบหน้าโดยรวม โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆ เลย ผลลัพธ์ที่อาจเห็นได้
1. การเปลี่ยนแปลงรูปหน้า
- สร้างความสมดุล: ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น
- เสริมโครงหน้า: ทำให้กรอบหน้าและเส้นกรามชัดเจนขึ้น
- แก้ไขคางสั้น: ยืดคางให้ยาวขึ้น ลดปัญหาคางสั้นหรือคางเล็ก
- ลดริ้วรอย: ช่วยยกกระชับผิวบริเวณคอและใต้คาง ลดการหย่อนคล้อย
2. ข้อดีด้านสัดส่วนใบหน้า
- สร้างรูปตัว V: ช่วยให้ใบหน้ามีรูปทรงเรียว เป็นตัว V ที่สวยงาม
- ลดความกว้างของใบหน้า: ทำให้ใบหน้าดูเรียวลงโดยการเพิ่มความยาวของคาง
- ปรับสัดส่วน 3 ส่วน: ช่วยให้สัดส่วนใบหน้า (หน้าผาก-จมูก-คาง) มีความสมดุลยิ่งขึ้น
3. ปริมาณและระยะเวลาของผลลัพธ์
- ปริมาณที่ใช้: โดยทั่วไปใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 ซีซีต่อครั้ง
- ความเห็นผลทันที: เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด แต่อาจมีอาการบวมเล็กน้อย
- ผลลัพธ์เต็มที่: เห็นผลสมบูรณ์หลังจากอาการบวมหายไป (ประมาณ 1-2 สัปดาห์)
- ความถี่ในการทำซ้ำ: ควรเติมทุก 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้
การดูแลตัวเองหลังการทำ ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและคงอยู่ได้นานขึ้น
การดูแลทันทีหลังทำ (24-48 ชั่วโมงแรก)
- ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
- นอนหงาย: พยายามนอนในท่าหงาย ยกศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อลดการบวม
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด: เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
- งดออกกำลังกายหนัก: อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
การดูแลระยะยาว
- ทาครีมกันแดด: ป้องกันผิวจากแสงแดดเพื่อยืดอายุของฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง: เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- บำรุงผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิค แอซิด หรือเปปไทด์
- ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและเพิ่มประสิทธิภาพของฟิลเลอร์
บทสรุป
ฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้า เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคางสั้น คางเล็ก หรือต้องการปรับสมดุลของใบหน้าโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด การเสริมคางด้วยฟิลเลอร์สามารถเปลี่ยนแปลงโครงหน้าได้อย่างมาก ทำให้ใบหน้าดูสมดุล มีมิติ และสวยงามยิ่งขึ้น
การตัดสินใจทำฟิลเลอร์คางควรเริ่มจากการปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล ประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ก็มีความสำคัญ เพราะแต่ละชนิดให้ผลลัพธ์และมีระยะเวลาการอยู่ที่แตกต่างกัน
แม้ว่าฟิลเลอร์คางจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่การเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ และการดูแลตัวเองหลังทำอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน