รู้ก่อนฉีด โปรแกรมฟิลเลอร์อันตรายไหม ควรฉีดไหม ?
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม? คำถามยอดฮิตที่หลายคนกังวลเมื่อสนใจฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์เป็นศาสตร์เฉพาะทางที่ต้องทำโดยแพทย์ที่ผ่านการอบรมด้านนี้เท่านั้น หากฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือหมอกระเป๋า อาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ และข้อควรรู้สำคัญก่อนตัดสินใจทำ
สารบัญ ฟิลเลอร์อันตรายไหม
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่ใช้ในการเสริมความงาม ส่วนใหญ่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน จะมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
แต่หากฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดอันตรายร้ายแรง เช่น การติดเชื้อ การอุดตันเส้นเลือด หรือการแพ้รุนแรง จึงควรรับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ฟิลเลอร์เป็นทางเลือกยอดนิยมในการเสริมความงาม แต่หลายคนยังกังวลเรื่องความปลอดภัย วันนี้เรามาทำความรู้จัก 4 ประเภทฟิลเลอร์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจกัน
1.Temporary Filler (ฟิลเลอร์ชั่วคราว)
ฟิลเลอร์ชนิดนี้ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย จึงปลอดภัยสูงและสลายได้เองตามธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน เป็นตัวเลือกที่แนะนำที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น
2.Semi-Permanent Filler (ฟิลเลอร์กึ่งถาวร)
ให้ผลลัพธ์นาน 2-5 ปี แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าแบบชั่วคราว จำเป็นต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์มาก่อน
3.Permanent Filler (ฟิลเลอร์ถาวร)
ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูง หากเกิดปัญหาแก้ไขได้ยาก แพทย์ส่วนใหญ่จึงไม่แนะนำให้ใช้
4.Collagen จากสัตว์
เป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกๆ มีความเสี่ยงต่อการแพ้สูง ผลลัพธ์อยู่ได้สั้น ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยมและถูกแทนที่ด้วยฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ปลอดภัยกว่า
ฟิลเลอร์เป็นทางเลือกยอดนิยมในการเสริมความงาม ที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว แต่ก่อนตัดสินใจ มาดูข้อดีและข้อเสียกัน
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย
- เห็นผลทันทีหลังฉีด
- ปรับแต่งได้ตามต้องการ
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- กลับไปทำงานได้ทันที
- สลายได้เองตามธรรมชาติ (กรณีฟิลเลอร์ HA)
- แก้ไขได้หากไม่พอใจผลลัพธ์
ข้อเสียที่ควรระวัง
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำ
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- อาจเกิดรอยช้ำ บวม แดง
- เสี่ยงติดเชื้อหากไม่ดูแลความสะอาด
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหากฉีดผิดตำแหน่ง
- เสี่ยงอันตรายหากฉีดกับผู้ไม่เชี่ยวชาญ
การฉีดฟิลเลอร์เป็นศาสตร์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลายคนยังกังวลเรื่องความปลอดภัย มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกัน
ผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจพบได้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์มักเป็นอาการเบื้องต้นที่สามารถหายได้เอง เช่น รอยช้ำ บวม แดง ซึ่งมักหายภายใน 1-2 สัปดาห์ บางคนอาจมีอาการคัน แสบร้อน หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีด รวมถึงอาจพบรอยจ้ำเลือดชั่วคราวหรือผิวที่ไม่เรียบเท่ากันได้
ความเสี่ยงร้ายแรงที่ควรระวัง
ในกรณีที่ฉีดกับผู้ไม่เชี่ยวชาญหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงขึ้นได้ ดังนี้
- การติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด
- การแพ้สารฟิลเลอร์
- การอุดตันของเส้นเลือด
- เนื้อเยื่อตายจากการฉีดผิดตำแหน่ง
- การเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
วิธีป้องกันความเสี่ยง
การฉีดฟิลเลอร์จะปลอดภัยเมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- เลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA
- ตรวจสอบประวัติการแพ้ก่อนฉีด
- เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลหลังฉีดอย่างเคร่งครัด
การฉีดฟิลเลอร์จะปลอดภัยหากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงทั่วไปมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ควรระวังความเสี่ยงร้ายแรงด้วยการเลือกสถานที่และผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ
การฉีดฟิลเลอร์จะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องพิจารณา 3 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้
เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน
- ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
- ในไทยรับรองเฉพาะชนิดไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA)
- ตรวจสอบได้จากเลขทะเบียน อย. วันหมดอายุ และเลข LOT
- แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติต่างกัน เลือกให้เหมาะกับบริเวณที่ฉีด
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดที่เหมาะสมกับผิวและความต้องการ
ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ต้องเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตตรวจสอบได้จากแพทยสภา
- มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคและเส้นเลือดบนใบหน้า
- ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
- มีผลงานที่น่าเชื่อถือ
- ห้ามฉีดกับหมอกระเป๋าเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมายและอันตราย
เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- มีใบอนุญาตถูกต้อง แสดงเลข 11 หลักชัดเจน
- สะอาด มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน
- มีอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมใช้งาน
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำการ
- ห้ามฉีดในสถานที่ไม่ใช่สถานพยาบาล เช่น บ้าน หรือร้านเสริมสวย
การฉีดฟิลเลอร์จะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยสำคัญ คือ การเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน การฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อนความสวยงามเสมอ
การตรวจสอบเลขทะเบียน อย.
ฟิลเลอร์ทุกชนิดที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องได้รับการรับรองจาก อย. สามารถตรวจสอบได้จากเลขทะเบียนบนกล่องผ่านเว็บไซต์ อย. โดยต้องมีข้อมูลวันผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน
การสังเกตบรรจุภัณฑ์
ฟิลเลอร์ของแท้ต้องมาในกล่องที่ปิดสนิท มีฮอโลแกรมของแบรนด์ที่ชัดเจน พร้อมรายละเอียดผลิตภัณฑ์ครบถ้วน และมีเลข LOT number ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
การตรวจสอบหลอดฟิลเลอร์
- บรรจุในซองปลอดเชื้อที่ซีลสนิท
- ข้อมูลบนหลอดต้องตรงกับกล่อง
- ไม่มีรอยชำรุดหรือรั่วซึม
- สารในหลอดต้องใส ไม่มีตะกอน
ราคาที่สมเหตุสมผล
ฟิลเลอร์แท้จะมีราคามาตรฐาน สามารถเปรียบเทียบกับแต่ละคลินิกได้ ข้อสังเกตที่ควรระวัง มีดังนี้
- ราคาที่ถูกผิดปกติ
- โปรโมชั่นลดราคามากเกินไป
- การขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก
การเลือกฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยต้องตรวจสอบทั้งผลิตภัณฑ์และสถานที่จำหน่าย หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะความปลอดภัยสำคัญกว่า และต้องงให้ความสำคัญก่อนเสมอ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
การเตรียมตัวที่ดีช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ควรปฏิบัติดังนี้
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความงาม
- ตรวจสอบประวัติการแพ้และโรคประจำตัว
- เช็คมาตรฐานคลินิกและใบรับรองแพทย์
- ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่จะใช้อย่างละเอียด
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ข้อควรระวังระหว่างฉีดฟิลเลอร์
- ฉีดในห้องปลอดเชื้อที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
- ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่าได้รับการรับรองจาก FDA
- สังเกตอาการผิดปกติระหว่างการฉีด
- แจ้งแพทย์ทันทีหากรู้สึกไม่สบาย
- บันทึกภาพก่อน-หลังเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- ปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลอย่างเคร่งครัด
- งดออกกำลังกายหนัก 1-2 วัน
- ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดจัด
- สังเกตความผิดปกติ และรีบปรึกษาแพทย์หากมีปัญหา
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายหากปฏิบัติตาม 3 ข้อสำคัญ คือการเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน อย. ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น แนะนำเลือกฟิลเลอร์ชนิด HA เพราะปลอดภัยที่สุด สลายได้เองตามธรรมชาติ อยู่ได้ 6-18 เดือน ส่วนชนิดกึ่งถาวรและถาวรมีความเสี่ยงสูงกว่า ไม่แนะนำ เพราะแก้ไขยากหากเกิดปัญหา สิ่งสำคัญ คือ ห้ามฉีดกับหมอที่ไม่น่าเชื่อถือเด็ดขาด เพราะเสี่ยงอันตรายร้ายแรง