การฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้กี่ CC จึงจะเหมาะสมและปลอดภัย
บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรใช้ ข้อควรระวัง และคำแนะนำจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด
สารบัญ
ฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร และช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
ฟิลเลอร์หน้าผาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปที่บริเวณหน้าผาก เพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้า สารไฮยาลูรอนิคแอซิดนี้เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูงและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้แก่
- หน้าผากแบนหรือยุบ
- หน้าผากไม่สมมาตร
- ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
- หน้าผากเป็นแอ่งหรือบุ๋ม
- ต้องการเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อ
นอกจากการแก้ไขปัญหาแล้ว การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณนั้น ทำให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย
ฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้กี่ CC เหมาะสมกับแต่ละปัญหา
ปริมาณ ฟิลเลอร์หน้าผาก ที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามปัญหาที่ต้องการแก้ไขและโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะพิจารณาตามเกณฑ์ดังนี้
ปัญหาที่ต้องการแก้ไข ปริมาณฟิลเลอร์ที่แนะนำ รายละเอียด
แก้ไขริ้วรอยหรือรอยย่นบนหน้าผาก 1-2 CC - เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยตื้นๆ หรือรอยย่นบนหน้าผาก
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้หน้าผากนูนเกินไป
แก้ไขหน้าผากยุบหรือเป็นแอ่งเฉพาะจุด 2-3 CC - เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากยุบเป็นบางจุด โดยเฉพาะบริเวณเหนือคิ้ว
- ช่วยเติมเต็มให้หน้าผากเรียบเนียนสม่ำเสมอ
เพิ่มความโหนกนูนให้หน้าผากแบน 3-5 CC - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหน้าผากแบนหรือต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
- ควรทยอยฉีดเป็นครั้งๆ ละไม่เกิน 3-5 CC
- ควรเว้นระยะห่างประมาณ 2-4 สัปดาห์
ปรับโครงสร้างหน้าผากให้สมมาตร 2-4 CC - เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากไม่สมมาตร หรือหน้าผากเป็นคลื่น
- ฉีดไม่เท่ากันในแต่ละจุดเพื่อปรับให้เกิดความสมดุล
ข้อควรระวังเรื่องปริมาณ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก เกิน 5 cc ในการฉีดครั้งเดียว เนื่องจากอาจทำให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดอาการบวมรอบดวงตาได้ แม้อาการจะหายไปเองภายใน 7-14 วัน แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
หน้าผากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดสำคัญเชื่อมต่อกับขมับและดวงตา การฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก จึงมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- การอุดตันของเส้นเลือด – อาจทำให้เกิดเนื้อตายหรือส่งผลต่อการมองเห็นในกรณีรุนแรง
- การเกิดก้อนฟิลเลอร์ – ทำให้หน้าผากไม่เรียบเนียน ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- การเกิดปฏิกิริยาแพ้ – อาการบวม แดง คัน หรือระคายเคือง
- การฉีดผิดตำแหน่ง – อาจทำให้ใบหน้าดูผิดสัดส่วน
ข้อควรปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยง
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านการฉีดฟิลเลอร์
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ที่มีมาตรฐาน
- งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
การดูแลตัวเองหลังฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคงในช่วง 7-14 วันแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- ประคบเย็นบริเวณที่มีอาการบวมหรือช้ำ (ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น)
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก
- งดการออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าในวันที่ฉีด หรือหากจำเป็นให้แต่งหน้าเบาๆ
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และฟิลเลอร์คงตัวดีขึ้น
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือแม้แต่การนั่งทานอาหารหน้าเตาร้อนๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดแอลกอฮอล์และของหมักดองที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการเกาบริเวณที่ฉีด แม้จะรู้สึกคัน
- งดทำทรีตเมนต์ใบหน้าอื่นๆ เช่น เลเซอร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์
การเสริมหน้าผากมีหลายวิธี นอกเหนือจากการฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
วิธีการเสริมหน้าผาก ข้อดี ข้อเสีย
ฟิลเลอร์หน้าผาก - ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัวมาก
- เห็นผลลัพธ์ทันที
- สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย
- หากไม่พอใจสามารถฉีดสลายได้
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน- ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
- ต้องเติมซ้ำเป็นระยะ
- มีค่าใช้จ่ายสะสมในระยะยาว
การผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน - ให้ผลลัพธ์ถาวร
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบนมาก- มีแผลผ่าตัดและอาจเกิดรอยแผลเป็น
- มีระยะเวลาพักฟื้นนาน
- อาการบวมช้ำอาจอยู่นานกว่า
- หากต้องการปรับแก้ต้องผ่าตัดใหม่
เลือกการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และเลือกผ่าตัดหากต้องการผลลัพธ์ถาวรโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมซ้ำ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความชำนาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการส่วนบุคคล
บทสรุป
การฉีด ฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหน้าผากโดยไม่ต้องผ่าตัด ปริมาณ ฟิลเลอร์หน้าผาก ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไปอยู่ที่ 1-5 CC โดยแพทย์แนะนำให้ทยอยฉีดและไม่ควรเกิน 5 CC ในการฉีดครั้งเดียว
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติตามที่คุณต้องการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด