ฟิลเลอร์สะโพกกี่ CC ถึงเหมาะสม? เคล็ดลับเติมเต็มสะโพกสวย

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกกี่ CC จึงจะได้ผลลัพธ์สวยงามตามต้องการ เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเสริมสะโพกด้วยวิธีนี้ การเลือกปริมาณฟิลเลอร์สะโพกที่เหมาะสมไม่เพียงส่งผลต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์สะโพกที่เหมาะสม ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกปริมาณ และข้อควรคำนึงเพื่อให้คุณได้สะโพกสวยอย่างปลอดภัย

สารบัญ

ปริมาณฟิลเลอร์สะโพกที่เหมาะสมตามความต้องการ

สะโพกเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์สะโพกมากกว่าการฉีดบริเวณใบหน้าหลายเท่า โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณฟิลเลอร์สะโพกที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 10-30 CC ต่อข้าง และในบางกรณีอาจต้องใช้มากถึง 60 CC ต่อข้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องการและสภาพสะโพกของแต่ละบุคคล

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสะโพกบุ๋มเพียงเล็กน้อย หรือต้องการเพิ่มความอวบอิ่มเพียงเล็กน้อย การใช้ปริมาณฟิลเลอร์เพียง 10-20 CC ต่อข้างอาจเพียงพอ ในขณะที่ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงสะโพกอย่างชัดเจน เช่น แก้ไขสะโพกบุ๋มลึก หรือเพิ่มปริมาตรสะโพกให้ดูอวบอิ่ม อาจต้องใช้ปริมาณมากกว่า 30 CC ต่อข้าง

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพสะโพกและความต้องการของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัย

ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดปริมาณฟิลเลอร์สะโพก

การกำหนดปริมาณฟิลเลอร์สะโพกที่เหมาะสมไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่

  • ระดับความรุนแรงของปัญหา: สะโพกบุ๋มมากต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าสะโพกบุ๋มเล็กน้อย
  • ขนาดและรูปร่างโดยธรรมชาติของสะโพก: ผู้ที่มีสะโพกขนาดใหญ่โดยธรรมชาติจะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าเพื่อให้เห็นความแตกต่าง
  • รูปทรงสะโพกที่ต้องการ: ทรงสะโพกแต่ละแบบ เช่น ทรงกลม ทรงหัวใจ หรือทรง V-shape ต้องใช้ปริมาณและเทคนิคการฉีดที่แตกต่างกัน
  • ความยืดหยุ่นของผิวหนัง: ผิวที่มีความยืดหยุ่นดีสามารถรองรับปริมาณฟิลเลอร์ได้มากกว่า
  • น้ำหนักตัวและสัดส่วนร่างกาย: ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่าอาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
  • ประวัติการทำหัตถการบริเวณสะโพกก่อนหน้านี้: หากเคยฉีดฟิลเลอร์หรือทำหัตถการอื่นๆ มาก่อน อาจส่งผลต่อปริมาณที่ต้องใช้ในครั้งต่อไป

แพทย์ผู้ที่ผ่านการอบรมมาจะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมกับความต้องการของคุณ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ที่จะใช้

ยี่ห้อฟิลเลอร์และผลต่อปริมาณที่ใช้

ยี่ห้อของฟิลเลอร์มีผลต่อปริมาณที่ต้องใช้และผลลัพธ์ที่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในประเทศไทย ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Variofill เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับการฉีดในบริเวณสะโพกโดยเฉพาะ

Variofill มีความเข้มข้นของกรดไฮยาลูโรนิกสูงถึง 33 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปที่ใช้กับใบหน้า ทำให้มีความคงตัวสูงและเหมาะกับบริเวณที่ต้องรับแรงกดทับอย่างสะโพก ฟิลเลอร์ชนิดนี้มาในหลอดขนาด 10 CC และโดยทั่วไปการฉีดสะโพกอาจต้องใช้ 1-5 หลอดต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล

การเลือกฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาสำหรับสะโพกโดยเฉพาะจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่า แต่ควรระวังฟิลเลอร์เกรดต่ำหรือฟิลเลอร์ปลอมที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การย้อยเป็นก้อนแข็ง หรือแม้กระทั่งอาการแพ้รุนแรง

ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าของปริมาณฟิลเลอร์สะโพก

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกมีค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากต้องใช้ปริมาณมาก โดยราคาฟิลเลอร์ Variofill อยู่ที่ประมาณ 20,000-70,000 บาทต่อ 10 CC ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ต้องใช้ 20-60 CC ต่อข้าง อาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท

นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์สะโพกจะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป แต่ให้ผลลัพธ์ถาวร การฉีดฟิลเลอร์สะโพกอาจมีความคุ้มค่าน้อยกว่าในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้หลายคนเลือกวิธีนี้แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าในระยะยาว

อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์สะโพกราคาเท่าไหร่ | ทำไมถึงราคาสูง? พร้อมข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ข้อควรระวังและผลข้างเคียง

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกในปริมาณมากเกินไปหรือไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น

  • ฟิลเลอร์เป็นก้อน: การฉีดในปริมาณมากเกินไปหรือในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแข็ง
  • สะโพกเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน: การกระจายฟิลเลอร์ไม่สม่ำเสมอทำให้ผิวเป็นคลื่น ไม่ราบเรียบ
  • อาการบวม: การฉีดในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการบวมนานกว่าปกติ
  • ฟิลเลอร์ย้อย หรือเคลื่อนที่: ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะเมื่อใช้ปริมาณมาก
  • อาการแพ้หรือติดเชื้อ: แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้

การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์สะโพกโดยเฉพาะ จะช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังฉีดอย่างเคร่งครัดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ทางเลือกอื่นนอกจากฟิลเลอร์สำหรับการเสริมสะโพก

สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกแต่กังวลเรื่องปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้และค่าใช้จ่ายในระยะยาว มีทางเลือกอื่นที่น่าพิจารณา ได้แก่

  • การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน: เป็นการผ่าตัดใส่ถุงซิลิโคนที่ออกแบบมาสำหรับสะโพกโดยเฉพาะ ให้ผลลัพธ์ถาวรและสามารถเลือกขนาดได้ตามต้องการ แม้จะต้องผ่าตัดและมีระยะพักฟื้นนานกว่า แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
  • การฉีดไขมันตนเอง: ใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเติมเต็มสะโพก ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอนเนื่องจากร่างกายอาจดูดซึมไขมันบางส่วนกลับไป
  • การออกกำลังกายเฉพาะส่วน: การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อสะโพกและก้น เช่น สควอท ลันจ์ อาจช่วยปรับรูปทรงสะโพกได้โดยไม่ต้องพึ่งการทำหัตถการใด ๆ

การเลือกวิธีการเสริมสะโพกที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งงบประมาณ ระยะเวลาพักฟื้น ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่ต้องการ

บทสรุป

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกกี่ CC จึงจะเหมาะสมนั้น ไม่มีคำตอบตายตัว แต่โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 10-60 CC ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งสภาพสะโพกเดิม ผลลัพธ์ที่ต้องการ และยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ การเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและผ่านการรับรองจาก อย. เช่น Variofill และการฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์สะโพกควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร อาจพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ครบถ้วนและการปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

หมอฉีดฟิลเลอร์ที่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า