สลายฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาปากบวม ปากเป็นก้อน กลับมาสวยธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ และดึงดูดสายตาได้อย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นปากบวมเกินไป ปากเป็นก้อนก้อน ปากไม่สมมาตร หรือฟิลเลอร์ไหลไปตำแหน่งอื่น สลายฟิลเลอร์ปาก จึงกลายเป็นทางออกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ริมฝีปากกลับมาสวยงามและเป็นธรรมชาติอีกครั้ง

สลายฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เอนไซม์พิเศษชื่อว่า Hyaluronidase เพื่อย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ที่ถูกฉีดเข้าไปในริมฝีปาก ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความรู้จักกับการสลายฟิลเลอร์ปากอย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุที่ต้องสลาย ขั้นตอนการทำ ไปจนถึงข้อควรระวังสำคัญ เพื่อให้คุณมีข้อมูลครบถ้วนก่อนตัดสินใจ

สารบัญ

สลายฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ทำไมต้องสลาย

สลายฟิลเลอร์ปาก คืออะไร

สลายฟิลเลอร์ปาก หรือ Filler Dissolving เป็นหัตถการทางการแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยใช้เอนไซม์ชื่อว่า Hyaluronidase ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์ เพื่อย่อยสลายโครงสร้างของกรด Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นองค์ประกอบหลักของฟิลเลอร์ให้กลับเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ตามธรรมชาติ

การสลายฟิลเลอร์ปากถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์เวชศาสตร์ความงามทั่วโลก เนื่องจากเอนไซม์ Hyaluronidase เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว และทำงานเฉพาะกับกรด Hyaluronic Acid เท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ

ทำไมต้องสลายฟิลเลอร์ปาก

หลายคนอาจสงสัยว่า เมื่อฟิลเลอร์สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 6-18 เดือน แล้วทำไมถึงต้องสลายฟิลเลอร์ปากด้วยหัตถการแพทย์ เหตุผลสำคัญมีดังนี้

  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น – ริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยมากจากการพูด กิน และยิ้ม หากฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือไม่กระจายตัวสม่ำเสมอ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งอื่น ๆ หรือสร้างปัญหาใหม่ที่รุนแรงขึ้น
  • แก้ไขรูปร่างที่ไม่พึงประสงค์ทันที – การรอให้ฟิลเลอร์สลายเองอาจใช้เวลานานหลายเดือน ในขณะที่ผู้รับบริการต้องดำเนินชีวิตกับริมฝีปากที่ไม่สวยงาม ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิต
  • เตรียมพร้อมสำหรับการแก้ไขใหม่ – หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใหม่เพื่อแก้ไขรูปร่างให้ดีขึ้น การสลายฟิลเลอร์เดิมออกก่อนจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนและฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องกังวลเรื่องฟิลเลอร์เดิมที่อาจรบกวนการทำงาน
  • ลดความเสี่ยงจากการสะสมฟิลเลอร์ – ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์บ่อยครั้งโดยไม่รอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายหมด อาจมีการสะสมฟิลเลอร์มากเกินไป ทำให้ริมฝีปากดูผิดธรรมชาติ แข็ง และบวมเกินไป

อ่านเพิ่มเติม : ฉีดสลายฟิลเลอร์ อันตรายไหม ทางออกแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์

สัญญาณบอกว่าควรสลายฟิลเลอร์ปาก

การรู้จักสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรสลายฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจรุนแรงขึ้น นี่คือสัญญาณที่ต้องระวัง มีดังนี้

ปากบวมเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติ

หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือริมฝีปากบวมเกินไปจนดูผิดสัดส่วนกับใบหน้า บางคนอาจเรียกว่า ปากเป็ด หรือ ปากไส้กรอก ซึ่งเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป หรือใช้ฟิลเลอร์เนื้อหนาที่ไม่เหมาะสมกับริมฝีปาก ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงาม แต่ยังทำให้รู้สึกไม่สบายและเคลื่อนไหวริมฝีปากได้ไม่คล่องตัว

ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนหรือก้อนนูน

เมื่อสัมผัสหรือมองเห็นก้อนโปนของฟิลเลอร์บนริมฝีปาก โดยเฉพาะเมื่อยิ้มหรือเคลื่อนไหวปาก นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าฟิลเลอร์ไม่ได้กระจายตัวสม่ำเสมอ อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม หรือการฉีดเข้มข้นเกินไปในจุดใดจุดหนึ่ง ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนไม่เพียงแต่ดูไม่สวย แต่ยังอาจสร้างความรู้สึกแปลกปลอมและไม่สบายตลอดเวลา

ปากไม่สมมาตรหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง

หากริมฝีปากข้างหนึ่งดูใหญ่หรือบวมกว่าอีกข้างอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าการฉีดฟิลเลอร์ไม่สมมาตร ปัญหานี้อาจเกิดจากการประเมินสัดส่วนที่ไม่ถูกต้อง หรือเทคนิคการฉีดที่ไม่สม่ำเสมอ ปากที่ไม่สมมาตรสร้างความรู้สึกไม่มั่นใจและมักเห็นได้ชัดในภาพถ่าย

ฟิลเลอร์ไหลหรือเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม

หากสังเกตเห็นว่าฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากริมฝีปากไปยังบริเวณใกล้เคียง เช่น เหนือริมฝีปากหรือใต้ริมฝีปาก ทำให้เกิดความผิดรูปแปลกๆ นี่คือสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบสลายฟิลเลอร์ปากโดยเร็ว การไหลของฟิลเลอร์มักเกิดจากการฉีดไม่ลึกพอ หรือการขยับริมฝีปากบ่อยเกินไป

ปากแข็ง ไม่นุ่มนวล และไม่เป็นธรรมชาติ

ริมฝีปากที่ดีควรมีความนุ่มนวล ยืดหยุ่น และเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากปากรู้สึกแข็ง ตึง และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว แสดงว่าอาจมีฟิลเลอร์มากเกินไปหรือใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ไม่เหมาะสม

สีริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำหรือขาวซีด

นี่คือสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที! การเปลี่ยนสีของริมฝีปากอาจบ่งบอกว่าฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงริมฝีปากไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับการรักษาทันที อาจทำให้เนื้อเยื่อตายได้ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ทันที

ปากมีรอยคลื่นหรือผิวไม่เรียบ

เมื่อมองเห็นรอยคลื่นหรือความผิดปกติบนผิวริมฝีปาก โดยเฉพาะตอนยิ้มหรือทาลิปสติก แสดงว่าฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอหรือถูกฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป

ขั้นตอนการสลายฟิลเลอร์ปาก และเอนไซม์ Hyaluronidase ทำงานอย่างไร

ขั้นตอนการสลายฟิลเลอร์ปากอย่างละเอียด

การสลายฟิลเลอร์ปากเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบและความเชี่ยวชาญของแพทย์ นี่คือขั้นตอนมาตรฐานที่คุณควรรู้

ขั้นตอนที่ 1: การปรึกษาและประเมินปัญหา

แพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียด รวมถึงประเภทฟิลเลอร์ที่เคยฉีด ยี่ห้อและรุ่น ปริมาณที่ฉีด และระยะเวลาที่ฉีด ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการคำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสม จากนั้นแพทย์จะตรวจสอบริมฝีปากอย่างละเอียด ประเมินปัญหาที่เกิดขึ้น และอธิบายแผนการรักษา

ขั้นตอนที่ 2: การเตรียมข้อมูลและเอกสารสำคัญ

คุณควรเตรียมข้อมูลเหล่านี้ก่อนไปพบแพทย์

  • ประเภทฟิลเลอร์ (HA, CaHA, PLLA) เพราะสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ HA เท่านั้น
  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด (cc) เพื่อให้แพทย์ประเมินตัวยาสลาย
  • ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ หรือนำกล่องฟิลเลอร์มาให้แพทย์ดู
  • ประวัติการแพ้ยา โดยเฉพาะการแพ้เหล็กในผึ้ง

ขั้นตอนที่ 3: การทดสอบการแพ้ (Skin Test)

สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือแพ้เหล็กในผึ้ง แพทย์จะทำการทดสอบโดยฉีดเอนไซม์ในปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณแขน แล้วสังเกตอาการแพ้เป็นเวลา 15-30 นาที หากไม่มีอาการแพ้จึงจะดำเนินการฉีดจริงที่ริมฝีปาก

ขั้นตอนที่ 4: การทำความสะอาดและเตรียมบริเวณ

แพทย์จะทำความสะอาดริมฝีปากและบริเวณโดยรอบด้วยสารฆ่าเชื้อทางการแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

ขั้นตอนที่ 5: การฉีดยาชา (ถ้าจำเป็น)

แม้การสลายฟิลเลอร์จะไม่เจ็บมากนัก แต่บางคลินิกอาจทายาชาเฉพาะที่หรือใช้ครีมชาก่อนฉีดเพื่อเพิ่มความสบาย

ขั้นตอนที่ 6: การฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase

แพทย์จะฉีดเอนไซม์เข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์อย่างระมัดระวัง อาจฉีดหลายจุดเล็กๆ เพื่อให้เอนไซม์กระจายตัวสม่ำเสมอ กระบวนการฉีดใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความรุนแรงของปัญหา

ขั้นตอนที่ 7: การนวดและสังเกตอาการ

หลังฉีดเสร็จ แพทย์อาจนวดบริเวณริมฝีปากเบาๆ เพื่อช่วยให้เอนไซม์กระจายตัวดีขึ้น จากนั้นจะให้คุณพักสังเกตอาการประมาณ 15-30 นาที เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่

เอนไซม์ Hyaluronidase ทำงานอย่างไร

เอนไซม์ Hyaluronidase เป็นกุญแจสำคัญในการสลายฟิลเลอร์ปาก มาทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมันกันว่าทำไมถึงมีประสิทธิภาพ

กลไกการทำงาน

  • ย่อยโครงสร้างของกรด Hyaluronic Acid – เอนไซม์จะเข้าไปตัดพันธะเคมีระหว่างโมเลกุลของกรด Hyaluronic Acid ที่เชื่อมต่อกันเป็นสายยาว ทำให้โครงสร้างของฟิลเลอร์แตกสลาย
  • ลดการกักเก็บน้ำ – กรด Hyaluronic Acid มีความสามารถพิเศษในการดึงน้ำเข้ามากักเก็บได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองถึง 1,000 เท่า เมื่อโครงสร้างถูกทำลาย ความสามารถในการดึงน้ำก็ลดลง ทำให้ปริมาตรของฟิลเลอร์ลดลงอย่างรวดเร็ว
  • เปลี่ยนเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก – ฟิลเลอร์ที่ถูกย่อยสลายจะกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมและขับออกได้ตามระบบน้ำเหลืองและกระแสเลือด

ระยะเวลาที่เห็นผล

ผลลัพธ์เบื้องต้น: เห็นได้ภายใน 1-2 วัน ริมฝีปากจะเริ่มยุบลงและบวมน้อยลง

ผลลัพธ์สมบูรณ์: ภายใน 1 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จะสลายหมดและริมฝีปากจะกลับสู่สภาพเดิมหรือใกล้เคียงมากที่สุด

บางกรณีอาจต้องฉีดซ้ำ: หากฟิลเลอร์มีปริมาณมากหรือเป็นฟิลเลอร์เนื้อหนา อาจต้องฉีดสลายซ้ำอีก 1-2 ครั้ง

ข้อจำกัดที่ต้องรู้

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ Hyaluronidase สลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid เท่านั้น ไม่สามารถสลายฟิลเลอร์ชนิดอื่น เช่น

  • ฟิลเลอร์ CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
  • ฟิลเลอร์ PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
  • ฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือไบโอพลาสติก

หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ชนิดถาวร จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดขูดออกแทน

ผลข้างเคียงหลังสลายฟิลเลอร์ปาก

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังสลายฟิลเลอร์ปาก

แม้การสลายฟิลเลอร์ปากจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงหลังฉีดสลายฟิลเลอร์บางอย่างที่ต้องทราบ มีดังนี้

1. อาการบวมและแดง

เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดและเป็นเรื่องปกติ เกิดจากการฉีดและการตอบสนองของร่างกายต่อเอนไซม์ มักหายไปเองภายใน 2-3 วัน สามารถบรรเทาด้วยการประคบเย็น

2. อาการคันหรือระคายเคือง

บางคนอาจรู้สึกคันเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวหนัง ไม่ควรเกาหรือถูบริเวณที่คัน ให้ทาครีมบำรุงหรือทาน้ำแข็งห่อผ้าช่วยบรรเทาแทน

3. ผิวยุบลงหรือแบนกว่าเดิมชั่วคราว

เกิดจากการที่เอนไซม์สลายไม่เพียงแต่ฟิลเลอร์ แต่อาจส่งผลต่อกรด Hyaluronic Acid ธรรมชาติในผิวด้วย ทำให้ริมฝีปากดูยุบหรือแห้งชั่วคราว โดยปกติจะกลับมาปกติภายใน 2-4 สัปดาห์ เมื่อร่างกายผลิต HA ธรรมชาติขึ้นมาใหม่

4. รอยช้ำ

อาจเกิดจากเข็มโดนเส้นเลือดฝอยขณะฉีด โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากที่มีเส้นเลือดมาก รอยช้ำมักจะหายไปเองภายใน 5-7 วัน

5. ความไม่สมมาตรชั่วคราว

หากฟิลเลอร์สลายไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ริมฝีปากดูไม่สมมาตรชั่วคราว แต่จะปรับตัวกลับมาเองเมื่อเวลาผ่านไป

บทสรุป

สลายฟิลเลอร์ปาก เป็นทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการแก้ไขปัญหาปากบวมเกินไป ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือไม่สมมาตร โดยใช้เอนไซม์ Hyaluronidase สลายฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ให้เห็นผลภายใน 1-2 วัน และสลายหมดภายใน 1 สัปดาห์

ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญในการคำนวณยา และใช้เอนไซม์ของแท้ที่ได้รับอนุมัติ ควรเตรียมข้อมูลประวัติการฉีดฟิลเลอร์ให้ครบถ้วน ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังหัตถการ และรอ 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใหม่

Hyaluronidase สลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ HA เท่านั้น ฟิลเลอร์ปลอมหรือชนิดอื่นสลายไม่ได้ ต้องใช้วิธีขูดออก หากพบปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ริมฝีปากกลับมาสวยงามอย่างรวดเร็ว

หมอฉีดฟิลเลอร์ที่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า