ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วไม่พอใจผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ใต้ตาบวม มองเห็นก้อนนูนเวลายิ้ม หรือผิวไม่เรียบเนียน โดยใช้เอนไซม์พิเศษย่อยสลายฟิลเลอร์ได้รวดเร็วและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
หัตถการนี้ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์เสริมความงาม มีความปลอดภัยสูง และช่วยให้ผิวใต้ตากลับคืนสู่สภาพเดิม บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่หลักการทำงาน สาเหตุที่ต้องฉีดสลาย ขั้นตอนการรักษา ไปจนถึงราคาและการเลือกคลินิก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
สารบัญ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร และทำงานอย่างไร
ความหมายของการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ Filler Dissolution คือ ขั้นตอนการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase หรือ HYAL) ฉีดเข้าไปยังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ เอนไซม์ตัวนี้มีหน้าที่สำคัญในการย่อยสลายสารฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการเวชศาสตร์ความงาม
การฉีดสลายฟิลเลอร์นี้เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถควบคุมได้ แตกต่างจากการปล่อยให้ฟิลเลอร์สลายเองตามธรรมชาติซึ่งอาจใช้เวลานานหลายเดือนถึงหนึ่งปี
หลักการทำงานของเอนไซม์ Hyaluronidase
เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเป็นโปรตีนที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่หลักในการย่อยสลายสารไฮยาลูโรนิก แอซิด เมื่อนำมาใช้ในการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา มันจะทำงานผ่านกลไกที่น่าสนใจดังนี้
- ลดการกักเก็บน้ำและไขมัน – เอนไซม์จะเข้าไปลดความสามารถในการกักเก็บน้ำของโมเลกุลฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ที่บวมเริ่มยุบตัวลง
- ทำลายการยึดเกาะของโมเลกุล – เอนไซม์จะตัดพันธะระหว่างโมเลกุลของฟิลเลอร์ ทำให้โครงสร้างที่เป็นก้อนแตกตัว
- สลายเป็นสารที่ร่างกายดูดซึมได้ – เมื่อการยึดเกาะถูกทำลาย โมเลกุลของฟิลเลอร์จะสลายตัวกลายเป็นน้ำและสารอื่นๆ ที่ร่างกายสามารถดูดซึมและขับออกไปได้อย่างปลอดภัยตามกระบวนการเผาผลาญตามธรรมชาติ
- ปรับสมดุลผิว – หลังจากฟิลเลอร์ถูกสลาย บริเวณผิวใต้ตาจะกลับมาเรียบเนียนและสมดุลเหมือนเดิม
สาเหตุและสัญญาณที่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
การตัดสินใจฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตามักเกิดขึ้นเมื่อผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจ มาทำความรู้จักกับสาเหตุและสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาการฉีดสลาย
ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนใต้ตา
นี่คือปัญหาที่พบบ่อยที่สุดและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องมาฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา ลักษณะของปัญหามีได้หลายรูปแบบ
- ก้อนนูนที่มองเห็นได้ – ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนนูนขึ้นมาใต้ผิว โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือทำสีหน้า ทำให้ใต้ตาดูไม่เรียบเนียน
- เป็นลำหรือเส้น – ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นแนวหรือเส้นที่มองเห็นได้ชัดเจน
- ผิวไม่เรียบเนียน – พื้นผิวใต้ตาดูขรุขระ ไม่เป็นธรรมชาติ
สาเหตุของปัญหาเหล่านี้มักมาจากปัญหาดังนี้
- การฉีดในชั้นผิวตื้นเกินไป – ผิวใต้ตาบางมาก หากฉีดฟิลเลอร์ชั้นตื้นจะทำให้มองเห็นก้อนได้ชัด
- ใช้ปริมาณมากเกินไป – การประเมิน CC ที่ต้องใช้ไม่เหมาะสม ทำให้ใต้ตาบวมและเป็นก้อน
- เลือกฟิลเลอร์ผิดประเภท – ใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ เนื้อแข็งและเหนียวมาก ซึ่งเหมาะกับการฉีดในผิวชั้นลึก มาใช้กับบริเวณใต้ตาที่ควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
ปรากฏการณ์ Tyndall Effect
Tyndall Effect เป็นปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วงซึ่งทำให้ผิวใต้ตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ น้ำเงินคล้ำ หรือสีม่วงเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยิ้มหรือแสดงสีหน้า ปรากฏการณ์นี้เกิดจาก
- การฉีดฟิลเลอร์ชั้นผิวตื้นเกินไป – แสงจะสะท้อนผ่านฟิลเลอร์และสร้างเงาสีที่ผิดปกติ
- การฉีดผิดตำแหน่ง – ฟิลเลอร์อยู่ในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม
- การใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากในชั้นตื้น – ยิ่งมีปริมาณมากเท่าไร สีคล้ำจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น
Tyndall Effect ไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ไม่สวยงาม แต่ยังดูแก่กว่าวัยและเหนื่อยล้า จึงควรรีบแก้ไขโดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ
นี่คือภาวะฉุกเฉินที่อันตรายมาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากแพทย์ขาดประสบการณ์หรือความชำนาญ อาการที่ต้องระวังและรีบพบแพทย์ทันที
- อาการตาพร่ามัว – มองเห็นไม่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่าฟิลเลอร์ไปอุดกั้นเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา
- ผิวเปลี่ยนสี – บริเวณที่ฉีดหรือบริเวณใกล้เคียงเปลี่ยนเป็นสีขาว ซีด หรือคล้ำผิดปกติ
- ปวดรุนแรง – เจ็บปวดมากผิดปกติในบริเวณที่ฉีดหรือบริเวณใกล้เคียง
ในกรณีร้ายแรงอาจนำไปสู่การตาบอด ดังนั้นหากเกิดอาการเหล่านี้ ต้องรีบฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายถาวร
ขั้นตอนการฉีดสลาย ระยะเวลา และผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
ขั้นตอนการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
เมื่อตัดสินใจฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ขั้นตอนแรกคือการประเมินและซักประวัติ แพทย์จะตรวจสอบผิวใต้ตาและสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีด ปริมาณที่ใช้กี่ CC วันที่ฉีด รวมถึงประวัติการแพ้ยา โดยเฉพาะการแพ้เหล็กในผึ้ง
จากนั้นแพทย์จะคำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสม โดยทั่วไปต้องใช้ Hyaluronidase มากกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดประมาณ 3-5 เท่า การคำนวณที่แม่นยำจะป้องกันการใช้เอนไซม์มากเกินไปซึ่งอาจทำลายคอลลาเจนตามธรรมชาติ แพทย์จะพิจารณาจากปัญหาที่เกิดขึ้น ระยะเวลาที่ฉีดฟิลเลอร์มา และประเภทของฟิลเลอร์
ก่อนเริ่มฉีด แพทย์จะทำความสะอาดผิวใต้ตาและอาจทาครีมชาเพื่อลดความเจ็บปวด จากนั้นจะฉีดเอนไซม์ลงในบริเวณที่มีปัญหาอย่างระมัดระวัง โดยแบ่งฉีดเป็นหลายจุดให้เอนไซม์กระจายตัวสม่ำเสมอ กระบวนการฉีดใช้เวลาเพียง 10-15 นาที หลังจากนั้นแพทย์จะนัดติดตามผลภายใน 7 วันเพื่อประเมินว่าฟิลเลอร์สลายหมดหรือยังเหลืออยู่
ระยะเวลาการออกฤทธิ์และผลลัพธ์
สิ่งที่โดดเด่นของการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาคือเห็นผลได้ทันทีภายใน 15-20 นาทีแรก ฟิลเลอร์จะยุบตัวลงประมาณ 60-70% ก้อนที่เห็นชัดเจนจะเริ่มนิ่มลงและเรียบขึ้น
เอนไซม์จะทำงานต่อเนื่องเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายตัวกลายเป็นน้ำที่ร่างกายดูดซึมและขับออกได้ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ผลลัพธ์เต็มที่จะเห็นได้ชัดภายใน 7 วัน ผิวใต้ตายุบลงและเรียบเนียน ก้อนหรือลำจะหายไป สีผิวกลับมาเป็นปกติ และใต้ตาดูเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม
การฉีดซ้ำและการฉีดฟิลเลอร์ใหม่
ส่วนใหญ่การฉีดสลายครั้งเดียวก็เพียงพอ แต่หากมีฟิลเลอร์หลงเหลือ แพทย์อาจพิจารณาฉีดซ้ำโดยรอประมาณ 1-2 สัปดาห์
หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ ควรเว้นระยะเวลา 5-7 วันเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์หมดและเนื้อเยื่อกลับสู่สภาพปกติ ไม่แนะนำให้ฉีดทันทีเพราะอาจประเมินผลลัพธ์ไม่ได้ถูกต้องและเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาซ้ำ
อ่านเพิ่มเติม : หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ ควรดูแลอย่างไร? คู่มือการดูแลและข้อควรระวัง
วิธีเลือกคลินิกฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดี
การเลือกคลินิกสำหรับการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะส่งผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือความถูกต้องตามกฎหมาย คลินิกต้องมีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการที่ชัดเจน และแพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ถูกต้อง ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ผ่านเว็บไซต์แพทยสภา
ประสบการณ์ของแพทย์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านฟิลเลอร์และการสลายฟิลเลอร์จะสามารถคำนวณปริมาณเอนไซม์ได้แม่นยำ โดยทั่วไปต้องใช้ปริมาณ Hyaluronidase มากกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดประมาณ 3-5 เท่า การคำนวณที่ถูกต้องนี้สำคัญมาก เพราะหากใช้เอนไซม์มากเกินไปอาจทำลายคอลลาเจนตามธรรมชาติในผิวได้ แพทย์ที่ดีจะเข้าใจกายวิภาคของใต้ตาอย่างลึกซึ้ง และให้คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์
คุณภาพของเอนไซม์และเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คลินิกที่ดีควรใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา และควรแกะกล่องยาให้ผู้รับบริการเห็นเพื่อสร้างความมั่นใจ เครื่องมือต้องสะอาดปราศจากเชื้อ และมีการจัดเก็บยาอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน
บริการหลังการรักษาก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรับผิดชอบของคลินิก คลินิกที่ดีควรมีการนัดติดตามผลภายใน 7 วัน มีช่องทางติดต่อที่สะดวกเช่น Line หรือโทรศัพท์ พร้อมให้คำปรึกษาหากเกิดปัญหา และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงพร้อมรูปก่อน-หลังที่ชัดเจนก็จะช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพการให้บริการมากขึ้น
บทสรุป
ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ปลอดภัยโดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid เห็นผลทันทีภายใน 15-20 นาที ฟิลเลอร์ยุบลง 60-70% และเห็นผลเต็มที่ภายใน 7 วัน ซึ่งสาเหตุที่ต้องฉีดสลาย ได้แก่ ฟิลเลอร์เป็นก้อน ใต้ตาบวม เกิด Tyndall Effect (ผิวเขียวคล้ำ) หรือฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ซึ่งมักเกิดจากการฉีดชั้นผิวตื้นเกินไป ใช้ปริมาณมากเกินไป หรือเลือกฟิลเลอร์ผิดประเภท
แพทย์จะคำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสม (มากกว่าฟิลเลอร์ 3-5 เท่า) การฉีดใช้เวลา 10-15 นาที ส่วนใหญ่ฉีดครั้งเดียวเพียงพอ หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ควรเว้นระยะ 5-7 วัน การเลือกคลินิกที่ดีต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง แพทย์มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ใช้เอนไซม์ของแท้ผ่าน อย. มีการติดตามผล และมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง โดยการป้องกันดีกว่าแก้ไข ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานตั้งแต่แรก แต่หากเผชิญปัญหา การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ผิวใต้ตากลับมาเรียบเนียนและสวยงามได้อีกครั้ง
