ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม? | วิธีป้องกันความเสี่ยงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม? วิธีป้องกันความเสี่ยงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อพิจารณาทางเลือกในการลดเลือนร่องแก้มลึก (Nasolabial folds) ที่เป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งวัยที่เห็นได้ชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมเพราะช่วยเติมเต็มร่องลึกได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ทันที แต่หลายคนยังกังวลถึงความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความปลอดภัยของฟิลเลอร์ร่องแก้ม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำหัตถการนี้

สารบัญ

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร และกลไกการทำงาน

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เข้าไปในบริเวณร่องแก้ม หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า “ร่องนาโซลาเบียล” (Nasolabial Folds) ซึ่งเป็นร่องที่ทอดยาวจากบริเวณข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร และกลไกการทำงาน

กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ โดยมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้สูง (สามารถดูดซับน้ำได้มากกว่า 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง) เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม จะทำหน้าที่

  • เติมเต็มร่องลึก: ยกร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน
  • เพิ่มความชุ่มชื้น: ช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดูชุ่มชื้น เต่งตึง และมีสุขภาพดี
  • กระตุ้นคอลลาเจน: ในระยะยาว กรดไฮยาลูรอนิกยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง

ฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดและอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ วิธีการฉีด และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล

อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้ปัญหาร่องพับ แก้มห้อย หน้าแก่กว่าวัย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

แม้ว่าฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงของฟิลเลอร์ร่องแก้มที่อาจเกิดขึ้นได้ ผลข้างเคียงเหล่านี้แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบบ่อย และผลข้างเคียงรุนแรงที่พบได้น้อย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ผลข้างเคียงทั่วไป (พบบ่อย)

รอยช้ำและรอยแดง: บริเวณที่ฉีดอาจเกิดรอยช้ำหรือรอยแดงชั่วคราว มักหายภายใน 1-2 สัปดาห์

  • อาการบวม: ผู้รับบริการอาจมีอาการบวมหลังการฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อการบาดเจ็บเล็กน้อย มักลดลงภายใน 2-3 วัน
  • ความไม่สมมาตร: ในบางกรณี อาจเกิดความไม่สมมาตรเล็กน้อยระหว่างสองข้างของใบหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขได้ในการนัดติดตามผล
  • ความรู้สึกไม่สบาย: อาจมีอาการเจ็บหรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก
  • ก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนัง: บางครั้งอาจรู้สึกถึงก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งมักหายไปเมื่อฟิลเลอร์กระจายตัวสมบูรณ์

ผลข้างเคียงรุนแรง (พบได้น้อย)

การอุดตันของหลอดเลือด: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด เกิดเมื่อฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อไม่ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การตายของเนื้อเยื่อ (Tissue Necrosis) หรือในกรณีรุนแรง อาจทำให้ตาบอดได้หากมีการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตา

  • การติดเชื้อ: มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการติดเชื้อหลังการฉีด โดยเฉพาะเมื่อทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
  • ปฏิกิริยาแพ้: แม้จะพบได้น้อยมาก แต่บางคนอาจแพ้ส่วนประกอบในฟิลเลอร์ ทำให้เกิดอาการบวม แดง คัน หรือผื่น
  • ฟิลเลอร์เคลื่อนที่: อาจเกิดการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะหากใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตราย

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตราย

มีปัจจัยหลายประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ได้แก่

1.ผู้ให้บริการที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการเลือกผู้ให้บริการที่ไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอ แพทย์ที่ขาดความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้าอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยเฉพาะ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้

2.สถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน

การฉีดฟิลเลอร์ในสถานที่ที่ไม่ใช่สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน หรือคลินิกที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ

3.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณร่องแก้ม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์

4.โรคประจำตัวและสภาพผิวของผู้รับบริการ

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้รุนแรง โรคเลือด โรคออโตอิมมูน หรือผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณใบหน้า อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการฉีดฟิลเลอร์

5.ประวัติการแพ้ยาหรือสารเติมเต็ม

ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มอื่นๆ มาก่อน มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปฏิกิริยาแพ้ซ้ำ

วิธีการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย

วิธีการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย

หากคุณกำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีวิธีลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยได้ดังนี้

เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความงามและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยเฉพาะ แพทย์ควรมีความรู้ด้านกายวิภาคของใบหน้า และเข้าใจตำแหน่งของหลอดเลือดสำคัญในบริเวณที่จะฉีด

เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

ฉีดฟิลเลอร์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับอนุญาตถูกต้องและมีอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์

สอบถามชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่จะใช้ และตรวจสอบว่าได้รับการรับรองจาก อย. หรือไม่ ฟิลเลอร์ควรถูกเปิดซองใหม่ต่อหน้าคุณ

แจ้งประวัติสุขภาพอย่างครบถ้วน

แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ ประวัติการแพ้ และการทำหัตถการเกี่ยวกับความงามที่ผ่านมาให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด

ปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการฉีด

ทำตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังการฉีด เช่น การงดยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด การงดแอลกอฮอล์ และการดูแลบริเวณที่ฉีดอย่างถูกวิธี

เริ่มจากปริมาณน้อย

ควรเริ่มต้นจากการฉีดในปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มในครั้งถัดไปหากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น การฉีดมากเกินไปในครั้งเดียวอาจเพิ่มความเสี่ยงและทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ร่องแก้ม

Q: ฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บมากไหม?

A: โดยทั่วไป ระดับความเจ็บปวดอยู่ในระดับปานกลาง ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะมียาชา (Lidocaine) ผสมอยู่ และแพทย์อาจใช้ครีมชาทาบริเวณที่จะฉีดก่อน ทำให้รู้สึกไม่เจ็บมาก

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องหยุดพักงานหรือไม่?

A: ไม่จำเป็นต้องหยุดพักงาน สามารถกลับไปทำงานได้ทันทีหลังการฉีด แต่อาจมีอาการบวม รอยแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งสามารถปกปิดด้วยเครื่องสำอางได้

Q: ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน?

A: โดยเฉลี่ยฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน

Q: ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรสามารถฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มได้หรือไม่?

A: ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันความปลอดภัยในกลุ่มนี้

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว ฟิลเลอร์ร่องแก้มมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง ผลข้างเคียงทั่วไปมักเป็นเพียงอาการชั่วคราว เช่น รอยช้ำ อาการบวม หรือความไม่สบายเล็กน้อย และหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะพบได้น้อยมาก เช่น การอุดตันของหลอดเลือด การติดเชื้อ หรือปฏิกิริยาแพ้ ปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงคือการเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่มีความรู้ด้านกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี

การศึกษาข้อมูลให้ดี ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด และประเมินความเหมาะสมกับตัวเองก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย

หมอฉีดฟิลเลอร์ที่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า