ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ cc – แนะนำปริมาณที่เหมาะสมตามแต่ละรูปทรงริมฝีปาก

ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ cc - แนะนำปริมาณที่เหมาะสมตามแต่ละรูปทรงริมฝีปาก

ฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่กำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก การเลือกปริมาณที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าใช้น้อยเกินไปอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจทำให้ริมฝีปากดูผิดธรรมชาติหรือเกิด “ปากเป็ด” (duck lips) ได้ 

บทความนี้จะแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสมสำหรับแต่ละรูปทรงริมฝีปาก ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกปริมาณ ความแตกต่างระหว่างการฉีดครั้งแรกกับการฉีดเติม รวมถึงเทคนิคการฉีดที่ช่วยให้ใช้ปริมาณน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับบริการ

สารบัญ

ฟิลเลอร์ปากคืออะไร และทำไมปริมาณจึงสำคัญ

ฟิลเลอร์ปาก คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มปริมาตร ปรับรูปทรง เพิ่มความชุ่มชื้น หรือลบเลือนริ้วรอยบริเวณรอบปาก ริมฝีปากเป็นอวัยวะที่มีความไวต่อความรู้สึกสูงและมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้มีความสำคัญอย่างมาก

ปริมาณฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหา ดังนี้

ฟิลเลอร์ปากคืออะไร และทำไมปริมาณจึงสำคัญ
  • ริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติ ไม่เกินจริง
  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันเส้นเลือด
  • ลดโอกาสเกิดก้อนฟิลเลอร์ใต้ผิวหนัง
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องฉีดมากเกินความจำเป็น
  • ทำให้การเคลื่อนไหวของริมฝีปากยังคงเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ปากวัดปริมาณเป็นซีซี (cc) หรือมิลลิลิตร (ml) ซึ่ง 1 cc = 1 ml โดยปริมาณที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามลักษณะริมฝีปากเดิมและผลลัพธ์ที่ต้องการ

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมตามรูปทรงริมฝีปาก

ฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc ขึ้นอยู่กับรูปทรงริมฝีปากเดิมของแต่ละคน และผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมตามรูปทรงริมฝีปาก

1. ริมฝีปากบางมาก

  • ปริมาณแนะนำ: 0.8-1.5 cc
  • ผลลัพธ์: เพิ่มความอวบอิ่มอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ
  • ข้อควรระวัง: อาจต้องแบ่งฉีด 2 ครั้งเพื่อให้ร่างกายปรับตัว และป้องกันผลลัพธ์ที่ดูเกินจริง

2. ริมฝีปากบางปานกลาง

  • ปริมาณแนะนำ: 0.5-1 cc
  • ผลลัพธ์: เพิ่มปริมาตรพอประมาณ เน้นความชุ่มชื้นและปรับรูปทรงให้สวยงามขึ้น
  • ข้อควรระวัง: พยายามรักษาสัดส่วนระหว่างริมฝีปากบนและล่างให้เหมาะสม

3. ริมฝีปากอวบอิ่มอยู่แล้ว

  • ปริมาณแนะนำ: 0.3-0.5 cc
  • ผลลัพธ์: เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับรูปทรงเล็กน้อย เน้นความคมชัดของขอบปาก
  • ข้อควรระวัง: ใช้ปริมาณน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความดูเกินจริง

4. เน้นเฉพาะจุด

  • ปริมาณแนะนำ: 0.2-0.5 cc
  • ผลลัพธ์: ปรับแต่งรูปทรงเฉพาะจุด เช่น เพิ่มความคมชัดของกระจับปากบน
  • ข้อควรระวัง: ต้องการความแม่นยำในการฉีดสูง ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์

5. แก้ไขรอยย่นรอบปาก

  • ปริมาณแนะนำ: 0.3-0.6 cc
  • ผลลัพธ์: ลดเลือนริ้วรอยรอบปาก โดยไม่เน้นการเพิ่มปริมาตรมาก
  • ข้อควรระวัง: ใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด และฉีดในระดับตื้น

ข้อสังเกต: ปริมาณที่แนะนำเป็นค่าโดยประมาณ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายควรขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้ชำนาญการ และสำหรับการฉีดครั้งแรก แนะนำให้เริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มในการฉีดครั้งถัดไปหากต้องการ

ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ปาก

ปริมาณ ฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะริมฝีปากเดิมเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่แพทย์ต้องพิจารณา ดังนี้

ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ปาก

1. อายุของผู้เข้ารับบริการ

วัยที่แตกต่างกันมีผลต่อปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรใช้

  • วัยรุ่น-วัย 20 ต้น: ควรใช้ปริมาณน้อย เน้นความเป็นธรรมชาติ
  • วัย 30-40: อาจต้องการปริมาณปานกลาง เพื่อชดเชยปริมาตรที่เริ่มลดลงตามวัย
  • วัย 50 ขึ้นไป: อาจต้องการปริมาณมากขึ้น เนื่องจากริมฝีปากบางลงมากจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมัน

2. สัดส่วนใบหน้าและริมฝีปาก

ริมฝีปากบนและล่าง (โดยทั่วไปริมฝีปากล่างควรใหญ่กว่าริมฝีปากบนเล็กน้อย ในอัตราส่วน 1:1.5)

สัดส่วนริมฝีปากกับคาง จมูก และโครงหน้าทั้งหมด

3. ชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ปากแต่ละยี่ห้อและรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน

ฟิลเลอร์รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก -Filler Juvederm

Juvederm

คุณสมบัติเด่น: ผลิตโดยบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยี VYCROSS® ที่ผสมผสานโมเลกุล HA ขนาดใหญ่และเล็กเข้าด้วยกัน ทำให้ได้เนื้อเจลที่เนียนนุ่ม ยืดหยุ่นดี และคงรูปได้นาน

รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก

  • Juvederm Ultra Plus – เนื้อเข้มข้นสูง เหมาะกับร่องลึกและเพิ่มปริมาตรริมฝีปาก อยู่ได้ 9-12 เดือน
  • Juvederm Volift – หนืดระดับกลาง ยืดหยุ่นดี เหมาะกับร่องแก้ม รอยย่นรอบปาก และริมฝีปากที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้ 12-15 เดือน
  • Juvederm Voluma – เนื้อหนืดสูง เน้นเพิ่มปริมาตรโครงหน้า เหมาะกับโหนกแก้ม คาง ขมับ ไม่เหมาะกับริมฝีปาก อยู่ได้ 18-24 เดือน
  • Juvederm Volite – เนื้อบางเบาที่สุด เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับคุณภาพผิว ไม่เหมาะกับริมฝีปาก อยู่ได้ 6-9 เดือน
ฟิลเลอร์รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก -Filler Restylane

Restylane

คุณสมบัติเด่น: ผลิตโดยบริษัท Galderma ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยี NASHA® ที่ทำให้อนุภาค HA มีความเสถียรและคงทน

รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก

  • Restylane Kysse – ออกแบบมาเฉพาะสำหรับริมฝีปาก ให้ความนุ่มนวลและการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
  • Restylane Refyne – เนื้อยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เหมาะกับรอยย่นปานกลาง โดยเฉพาะรอยย่นรอบปากและรอยเหี่ยวย่น มี Lidocaine ผสม อยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
  • Restylane Vital Light – เนื้อบางเบา ความเข้มข้นต่ำ เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น  เหมาะกับผิวบาง อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
ฟิลเลอร์รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก -Filler EPTQ

E.P.T.Q.

คุณสมบัติเด่น: ฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ ผลิตตามมาตรฐาน European Pharmacopoeia ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย อเมริกา และเกาหลีใต้ มีความบริสุทธิ์สูงและผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

รุ่นแนะนำสำหรับริมฝีปาก

  • E.P.T.Q. S300 – เนื้อเข้มข้นปานกลาง เหมาะสำหรับเพิ่มปริมาตรริมฝีปากให้ดูเต็มอิ่ม อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
  • E.P.T.Q. S100 – เนื้อบางเบา เหมาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นและแก้ไขรอยย่นรอบปากที่ละเอียด อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

4. ผลลัพธ์ที่ต้องการ

แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน

  • ต้องการความชุ่มชื้น: 0.3-0.5 cc
  • ต้องการเพิ่มปริมาตรปานกลาง: 0.5-1 cc
  • ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด: 1-1.5 cc

5. ประวัติการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ผ่านมา

  • ผู้ที่เคยฉีดมาแล้ว อาจต้องการปริมาณน้อยลงในการฉีดเติม
  • บางคนอาจมีฟิลเลอร์เก่าตกค้างอยู่ ต้องปรับปริมาณให้เหมาะสม

ความแตกต่างของปริมาณระหว่างการฉีดครั้งแรกกับการฉีดเติม

สำหรับคำถาม ฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc มีความแตกต่างระหว่างการฉีดครั้งแรกกับการฉีดเติม ดังนี้

การฉีดครั้งแรก

ปริมาณแนะนำ: ควรเริ่มที่ 0.5-1 cc

แนวทางปฏิบัติ:

  • แพทย์มักเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยกว่าที่คิดว่าเหมาะสม
  • อาจนัดติดตามผล 2-4 สัปดาห์หลังฉีด เพื่อประเมินและเพิ่มเติมหากจำเป็น
  • การเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยช่วยให้ร่างกายปรับตัว และป้องกันผลลัพธ์ที่เกินความต้องการ

การฉีดเติม (Touch-up)

ปริมาณแนะนำ: 0.3-0.5 cc

แนวทางปฏิบัติ:

  • ฟิลเลอร์ที่ฉีดครั้งแรกจะดูดซับน้ำและขยายตัวเล็กน้อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
  • การเติมควรทำหลังจากฉีดครั้งแรกอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • ควรเติมเฉพาะจุดที่ต้องการเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องฉีดทั้งริมฝีปาก

การฉีดซ้ำ (เมื่อฟิลเลอร์เดิมสลายไปแล้ว)

ปริมาณแนะนำ: อาจใช้ปริมาณเท่ากับหรือน้อยกว่าการฉีดครั้งแรก

แนวทางปฏิบัติ:

  • หากฟิลเลอร์เดิมสลายไปหมดแล้ว อาจต้องใช้ปริมาณใกล้เคียงกับการฉีดครั้งแรก
  • หากมีฟิลเลอร์เดิมตกค้างอยู่บางส่วน ปริมาณที่ใช้จะน้อยลง
  • ควรฉีดซ้ำก่อนฟิลเลอร์เดิมสลายไปหมด เพื่อรักษาผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc จะเห็นผลชัดเจนแค่ไหน?

1 cc สำหรับริมฝีปากถือว่าเป็นปริมาณปานกลางถึงมาก สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะในคนที่มีริมฝีปากบางอยู่แล้ว ผลลัพธ์จะเห็นความอวบอิ่มเพิ่มขึ้นประมาณ 25-50% ขึ้นอยู่กับลักษณะริมฝีปากเดิมและเทคนิคการฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งละกี่ cc จึงจะปลอดภัยที่สุด?

โดยทั่วไป การฉีดไม่เกิน 1 cc ในครั้งเดียวจะปลอดภัยที่สุด และสำหรับการฉีดครั้งแรก แนะนำให้ใช้ 0.5-0.8 cc เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและประเมินผลลัพธ์เบื้องต้น ไม่ควรฉีดเกิน 2 cc ในครั้งเดียวเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

การฉีดฟิลเลอร์ปากน้อยเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น?

การฉีดปริมาณน้อยเกินไป (น้อยกว่า 0.3 cc) อาจทำให้เห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน หรือเห็นเฉพาะความชุ่มชื้นแต่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านรูปทรง ข้อดีคือความเสี่ยงน้อย และสามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลัง

บทสรุป

ฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc เป็นคำถามที่มีคำตอบแตกต่างกันตามลักษณะริมฝีปากและผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไป ริมฝีปากบางมากอาจใช้ประมาณ 0.8-1.5 cc ริมฝีปากบางปานกลางควรใช้ 0.5-1 cc ส่วนคนที่มีริมฝีปากอิ่มอยู่แล้วควรใช้เพียง 0.3-0.5 cc และหากต้องการเติมเฉพาะจุด เช่น ขอบปากหรือกระจับปาก ก็ใช้เพียง 0.2-0.5 cc

สำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ cc ในครั้งแรก แพทย์มักแนะนำให้เริ่มที่ 0.5-1 cc เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และควรรออย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนพิจารณาเพิ่มเติม เนื่องจากฟิลเลอร์จะดูดซับน้ำและเพิ่มปริมาตรในช่วงแรก ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ และการดูแลหลังฉีดของแต่ละคน การเลือกปริมาณที่เหมาะสมและเทคนิคการฉีดที่ดีจะช่วยให้ริมฝีปากดูสวยเป็นธรรมชาติ

หมอฉีดฟิลเลอร์ที่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า